‘กิตติรัตน์’ แก้ปัญหาหนี้ กยศ.ปรับลำดับการตัดยอดหนี้ ตัดเงินต้นก่อนตัดดอกเบี้ย
‘กิตติรัตน์’ นั่งหัวโต๊ะ แก้ปัญหาหนี้ กยศ. คำนวณภาระหนี้ใหม่ ปรับลำดับการตัดยอดหนี้ใหม่ ตัดเงินต้นก่อนดอกเบี้ย ช่วยลดเงินต้นเร็วขึ้น
วันนี้ (14 พ.ย. 66) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ประธานที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการกำกับการแก้ไขหนี้สินของประชาชนรายย่อย แถลงหลังการประชุมคณะกรรมการกำกับการแก้ไขหนี้สินของประชาชนรายย่อย ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการฯ นัดแรก เห็นชอบแนวทางการแก้ปัญหาหนี้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) โดยจะคำนวณภาระหนี้ของลูกหนี้ที่มีอยู่ในปัจจุบันใหม่ ให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2566 ซึ่งมีผลบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 20 มี.ค.66 ที่ผ่านมา ทั้งนี้ การแก้ไขปัญหาหนี้กลุ่ม กยศ. จะเป็นกลุ่มแรกที่ได้รับการช่วยเหลือ และจากนี้จะขยายความช่วยเหลือลูกหนี้กลุ่มอื่น ๆ ต่อไปให้ครอบคลุมทั้งระบบ
ด้านนายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ตามกฎหมายฉบับใหม่จะมีการคำนวณภาระหนี้ของลูกหนี้ กยศ. ใหม่ โดยปรับลำดับการตัดยอดหนี้ใหม่ จากเดิมเมื่อลูกหนี้ผ่อนชำระหนี้มาแล้ว จะตัดยอดดอกเบี้ยผิดนัดชำระก่อน ดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นใหม่ และเงินต้น แต่การคำนวณใหม่ จะปรับลำดับใหม่ เริ่มจากตัดเงินต้นก่อน แล้วจากนั้นจึงตัดดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นใหม่ และดอกเบี้ยผิดนัดชำระ ทำให้เงินต้นลดลงเร็วมากกว่าเดิม
สำหรับการคำนวณยอดหนี้ใหม่ครั้งนี้จะครอบคลุมลูกหนี้ประมาณ 3.5 ล้านราย ที่ยังมีสถานะเป็นลูกหนี้ของกองทุน กยศ. หลังจากพ.ร.บ.กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2566 มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2566 โดยการคำนวณจะเริ่มต้นใหม่ตั้งแต่วันแรกที่ได้ชำระหนี้ให้กับ กยศ.
นายลวรณ กล่าวว่า ลูกหนี้ที่ผ่อนชำระมาแล้ว เมื่อคำนวณใหม่ จะมีภาระหนี้ลดลงอย่างชัดเจน ส่วนลูกหนี้บางรายที่ยังผ่อนอยู่ยังไม่หมด เมื่อคำนวณใหม่อาจจะหมดหนี้และปิดหนี้ได้เลย แต่ที่ต้องดูเพิ่มเติมหลังกฎหมายใหม่ออกมา นั่นคือ กลุ่มของลูกหนี้ที่ปิดยอดไปแล้ว กยศ.จะตามไปคำนวณยอดหนี้ให้เช่นกัน ทั้งนี้ ในขั้นตอนการดำเนินงาน กยศ. จะไปจัดทำระบบการคำนวณให้เสร็จสิ้นภายใน 5 เดือนนับจากนี้ แต่ที่ประชุมมองว่าเป้นเวลาที่นานเกินไป จึงขอให้มีการทำระบบขึ้นมาแบบง่าย หรือคำนวณด้วยเจ้าหนี้ที่ก่อน เพื่อเร่งคำนวณยอดหนี้ให้ลูกหนี้กลุ่มที่มีความเดือดร้อน และมีความจำเป็นเร่งด่วนก่อน 2 กลุ่ม ดังนี้ 1.ลูกหนี้ที่ถูกฟ้องร้องและอยู่ในชั้นของกรมบังคับคดี จำนวน 4.6 หมื่นคน จะเริ่มทำให้เสร็จในเดือนธันวาคม 2566 นี้ 2.ลูกหนี้ที่จะหมดอายุความในเดือนมีนาคม 2567 จำนวน 4 หมื่นคน เพื่อปรับโครงสร้างหนี้กับกยศ.ใหม่
นายลวรณ กล่าวว่า หากคำนวณได้เร็วจนทำเสร็จทั้ง 2 กลุ่มแล้ว แต่ระบบยังไม่พร้อม เจ้าหน้าที่จะเร่งทำการคำนวณลูกหนี้ กยศ. อื่น ๆ อีกเพิ่มเติม เพื่อคำนวณยอดหนี้ใหม่ให้กับกลุ่มนี้ด้วย ซึ่งจะเป็นข่าวดีและเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับลูกหนี้กยศ.ทั้งหมด
นายชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) กล่าวว่า ลูกหนี้ทุกคนจะได้รับสิทธิประโยชน์ตามกฎหมาย ซึ่งมีสถานะลูกหนี้ ตั้งแต่พรบ.กยศ. ฉบับใหม่ มีผลบังคับใช้ ขณะที่ผู้ค้ำประกันเดิมที่มีอยู่เดิม เมื่อลูกหนี้ได้ปรับโครงสร้างหนี้ไปแล้ว จะหลุดพ้นจากภาระค้ำประกันทันที โดยเริ่มต้นนำร่องลูกหนี้ในกรุงเทพฯก่อน และขยายไปยังภูมิภาคต่อไป