POLITICS

‘ทวี’ ขีดเส้น 100 วันแรก กระทรวงต้องเปลี่ยนแปลง

รื้อฟื้นหลักนิติธรรม สร้างความยุติธรรมให้กับประชาชน เผย นโยบายเร่งด่วน “แก้ไขปัญหายาเสพติด – ฟื้นฟูลูกหนี้ และคุ้มครองสิทธิคนด้อยโอกาส”

วันนี้ (14 ก.ย.66) เวลา 15:30 น. ที่กระทรวงยุติธรรม พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ภายหลังเป็นประธานร่วมประชุมกับคณะผู้บริหารของกระทรวงฯ โดยระบุว่า วันนี้ได้ประชุมร่วมกับปลัด และหน่วยงานในการกำกับของกระทรวงยุติธรรม รวมถึงได้เชิญสภาทนายความฯ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รัฐมนตรีเป็นสภานายกพิเศษแห่งสภาทนายความ มาร่วมประชุมด้วย

พ.ต.อ.ทวี ระบุว่า ภาพรวมของการประชุมคือการได้รับฟังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หลังจากได้รับนโยบายรัฐบาล ก็ให้ทุกหน่วยงานนำไปศึกษานโยบาย และจะนำนโยบายของรัฐบาลไปปฏิบัติ ซึ่งนโยบายที่สำคัญของรัฐบาลคือการรื้อฟื้นหลักนิติธรรม และสร้างความเข้มแข็งของหลักนิติธรรมให้เกิดขึ้น รวมถึงเรื่องการแก้ไขปัญหายาเสพติด และปัญหาหนี้สินที่อยู่ในการดูแลของกระทรวงยุติธรรม พร้อมมอบหมายให้ทุกกรมได้ไประดมความคิด และหารือถึงแนวปฏิบัติของหน่วยงานในกระทรวง นอกจากนี้ได้จัดทำแผนปฏิบัติใน 100 วัน เพื่อสร้างความยุติธรรมของประชาชน และนำความยุติธรรมมาให้กับประชาชน เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เห็นผลภายใน 100 วัน หรือ 3 เดือนแรก

โดยทุกหน่วยงานก็ได้มีการเสนอแนะ และจะต้องลงไปดูอย่างจริงจัง และที่สำคัญกระทรวงยุติธรรมมีเครื่องมือที่จะปกป้องคุ้มครองประชาชน เราจะทำให้ระบบความยุติธรรมอยู่เหนืออิทธิพลให้ได้ ซึ่งในฐานะที่ตนเองเป็นรัฐมนตรีก็จะลงไปดูในแต่ละหน่วยงาน เพื่อให้ระบบของกฎหมาย มีความเป็นใหญ่จริงๆ ไม่ใช่ระบบอิทธิพลเป็นใหญ่ รวมทั้งเรื่องการถ่วงดุลขององค์กรที่มีอำนาจการบังคับใช้กฎหมาย และนำมาตราการทางการเงินเข้ามาเป็นหนึ่งในวิธีการปราบปรามผู้มีอิทธิพล เช่น ประสานกับกรมบัญชีกลางเพื่อตรวจสอบข้อมูลภาษีของผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ ป้องปรามการร่วมมือกับเจ้าหน้าที่รัฐทุจริต หรือฮั้วประมูลโครงการหน่วยงานรัฐ

อีกทั้ง จะร่วมกับผู้นำองค์กรต่างๆ มาพูดคุยหารือกันเพื่อแก้ปัญหาในเรื่องต่างๆ ของประชาชนโดยประสานข้อมูลซึ่งกันและกัน ไม่ใช่ต่างคนต่างทำ โดยเฉพาะในการป้องกันอาชญากรรม เพื่อให้สามารถแก้ปัญหาให้กับประชาชนได้จริง พร้อมย้ำว่า แม้กฎหมายดีแค่ไหนแต่ถ้าเจ้าหน้าที่ไม่มาประชุมร่วมกัน ติดตามความคืบหน้าระหว่างกัน ก็ไม่สามารถติดตามคนร้ายได้ทัน ดังนั้น จึงต้องเร่งสร้างงานกระบวนการยุติธรรม สร้างความเชื่อมั่น อย่างดีเอสไอจะเข้าไปถ่วงดุล และสนับสนุนหน่วยงานในท้องที่ จะไม่ปล่อยให้องค์กรหนึ่งองค์กรใดสร้างความหดหู่ ความไม่เป็นธรรมต่อประชาชน เราจะทำกฎหมายเป็นใหญ่

สำหรับ นโยบายสำคัญของกระทรวงยุติธรรมที่จะขับเคลื่อนโดยเร่งด่วนคือ การแก้ปัญหายาเสพติด โดยยกระดับประมวลกฎหมายยาเสพติด เพื่อใช้ในการป้องกันปราบปรามยาเสพติดอย่างรอบด้าน รวมถึงการบำบัดฟื้นฟูผู้เสพ ตามนโยบายผู้เสพคือผู้ป่วยโดย ป.ป.ส. และกรมคุมประพฤติ ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนที่ในรอบ 50 ปี เราได้มีประมวลกฎหมายยาเสพติด เป็นกฎหมายที่ยกระดับการแก้ปัญหายาเสพติดได้มาก ถ้าเราแก้ไขตามกฎหมายนี้ได้ทั้งหมด ที่มีทั้งเรื่องการป้องกันและปราบปราม การฟื้นฟู และการติดตามยึดอายัดทรัพย์สิน โดยเฉพาะผู้ค้ายาเสพติดที่อยู่เบื้องหลัง เราจะดำเนินการไปในส่วนของเรื่องการเงินด้วย

อย่างไรก็ตาม การฟื้นฟูรักษาผู้ใช้ยาเสพติด ก็ต้องทำให้ได้ที่ว่า ผู้เสพคือผู้ป่วย อีกทั้งในขณะนี้จำนวนผู้เสพยาเสพติดที่อยู่ในการควบคุมของกรมคุมประพฤติมี 200,000 คน แต่ที่อยู่นอกการคุมประพฤติตามข้อมูลพบกว่าล้านคน ซึ่งจะต้องหาวิธีแก้ปัญหาไม่ให้ยาเสพติดเป็นความเดือดร้อนต่อประชาชนคนอื่นๆ

รวมถึงการแก้ปัญหาหนี้สินของประชาชนในเชิงโครงสร้าง ผ่านการแก้ไขปรับปรุง พ.ร.บ.ล้มละลายฯ เพื่อฟื้นฟูลูกหนี้บุคคลธรรมดา ฟื้นฟูหนี้ธุรกิจขนาดกลาง และขนาดย่อม SME ให้รวดเร็วยิ่งขึ้น และเรื่องการคุ้มครองสิทธิให้กับคนด้อยโอกาส เช่น คนที่ไม่มีปากเสียง ให้ได้มีการยอมรับเรื่องสัญชาติ เพราะเป็นบุคคลที่ต้องการสัญชาติไทย เกิดที่เมืองไทย ต้องได้รับการพิสูจน์การยอมรับตาม พ.ร.บ.สัญชาติฯ ซึ่งมีกว่า 1 ล้านคนที่ยังไม่ได้สัญชาติ เพราะกลุ่มคนเหล่านี้มีความลำบากมาก เนื่องจากจะต้องไปเรียนหนังสือ

พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ที่ผ่านมาตนได้รับทราบจากอธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิฯ และ ผอ.นิติวิทย์ ว่ามีการเข้าไปช่วย แต่ช่วยได้เพียงหลักพันถึงหลักหมื่นคนต่อปี คนที่ไม่มีสถานะในบัตรประชาชน มีเกือบล้านคน ดังนั้น จะต้องมีแนวทางเสนอเข้ามาว่าจะทำอย่างไรกันบ้าง

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีการตรวจสอบการฮั้วประมูลของกำนันนก พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ข้าราชการดำเนินการอยู่แล้ว แต่ปลัดกระทรวงยุติธรรมคงเข้าไปดูแล และจะต้องทำให้สังคมเห็นถึงความตรงไปตรงมา อย่าถือเพียงแค่เป็นการเสียชีวิตของตำรวจ หรือจบที่เรื่องกำนันนก แต่ให้ขยายการตรวจสอบไปทั่วประเทศ จะต้องป้องกัน การคอรัปชั่นจากการฮั้วประมูล ซึ่งถ้าทำได้ งบประมาณของประเทศจะถูกใช้ไปกับประชาชน ซึ่งดีเอสไอจะทำเรื่องนี้ให้ครบ หากภายหลังพบว่าใครอื่นมีพฤติกรรมในลักษณะนี้ก็จะต้องดำเนินการตรวจสอบเช่นเดียวกัน

สำหรับการพักรักษาตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่พักรักษาตัวอยู่ที่ รพ. ตำรวจ และมีกรอบจะครบกำหนด 30 วันนั้น พ.ต.อ.ทวี ระบุว่า พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ 2560 มีการแก้ไข ซึ่งการแก้ไขดังกล่าวเพื่อเป็นการยกระดับกรมราชทัณฑ์ให้สอดคล้องกับหลักสหประชาชาติ และมาตรฐานการควบคุมตัวผู้ต้องขัง จะต้องเป็นไปตามกฎหมายและระเบียบ ซึ่งจะไม่มีใครอยู่นอกเหนือระเบียบดังกล่าว โดยขณะนี้ยังเป็นขั้นตอนของทางกรมราชทัณฑ์ ซึ่งภายในที่ประชุมวันนี้ยังไม่ได้มีการพูดถึงในประเด็นดังกล่าว

พ.ต.อ.ทวี อธิบายว่า ตามหลักการการนอนพักรักษาตัวภายนอกเรือนจำนั้น เป็นอำนาจของผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร โดยถ้าหากมีการนอนพักรักษาตัวนานเกินกว่า 30 วันจะต้องมีการขอความเห็นชอบจากอธิบดีกรมราชทัณฑ์ และเอกสารหลักฐานของแพทย์มาประกอบ แต่หลักสำคัญจะต้องเป็นเรื่องความเห็นของแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ ส่วนถ้าหากมีการรักษานานเกินกว่า 60 วันจะเป็นการขอความเห็นชอบจากปลัดกระทรวงยุติธรรม และถ้าหากเกินกว่า 120 วันจะต้องขอความเห็นชอบจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอนของระเบียบกฎกระทรวง แต่หลักการสำคัญคือจะต้องควบคุมไม่ให้ผู้ต้องขังหลบหนี และไม่ให้ไปก่อเหตุร้าย

ส่วนเรื่องการพิจารณาพักโทษนั้น พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า จะต้องอยู่ในหลักนิติธรรม ซึ่งเป็นหลักสำคัญของการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข คือการที่ไม่ให้เจ้าหน้าที่รัฐหรือผู้มีอำนาจ ซึ่งจะต้องทำตามกฏหมายจะทำตามอำเภอใจไม่ได้

Related Posts

Send this to a friend