POLITICS

‘อนุทิน’ ปราศรัยชูนโยบาย “พูดแล้วทำ” โชว์ผลงาน เตรียมพร้อมเลือกตั้ง

‘อนุทิน’ ขึ้นปราศรัยบนเวทีประชุมใหญ่พรรคภูมิใจไทย ชูนโยบาย “พูดแล้วทำ” โชว์ผลงาน เตรียมพร้อมเลือกตั้ง เผย พรรคเป็นปึกแผ่น ร่วมงานด้วย ไม่ต้องกลัวถูกแทงข้างหลัง

วันนี้ (19 ธ.ค.64) เวลา 13.30 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวปราศรัยต่อสมาชิกพรรคฯ ที่อินดอร์ สเตเดียม (ชาติชาย ฮอลล์) จ.นครราชสีมาว่า การประชุมใหญ่สามัญวันนี้ แบ่งเป็น 2 เรื่องหลัก ได้แก่ การเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคเพิ่ม 1 ตำแหน่ง และการเลือกตั้งคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 11 คน ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญเตรียมความพร้อมในเวลา 15 เดือนต่อจากนี้ 

สำหรับการเลือกตั้งครั้งหน้าชัดเจนแล้วว่า จะใช้ระบบบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ จำนวนส.ส.แบ่งเขตเพิ่มขึ้นเป็น 400 คน จาก 350 คน ส่วน ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลดเหลือ 100 คน ผู้สมัครของพรรค จึงต้องเป็นผู้ที่นำนโยบายพรรคไปบอกกล่าว สร้างความศรัทธาแก่พี่น้องประชาชน สมกับคำพูดที่ย้ำว่า “ภูมิใจไทย พูดแล้วทำ เพื่อประโยชน์แก่ประเทศไทยที่เรารัก” เราจะไม่มีเหตุการณ์แทงข้างหลัง ใครร่วมงานกับเราไม่ต้องเหลียวหลัง ถ้าดีกันก็อยู่กันเรื่อย ๆ ไม่ดีกันก็อยู่เป็นรอบ ๆ

ที่ผ่านมาเรามีโอกาสมาบริหารประเทศในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล จุดเด่นของภูมิใจไทยคือ เป็นพรรคการเมืองที่มีเอกภาพมากที่สุด สมาชิกพรรคทุกคนเคารพกติกาการเมือง รัฐธรรมนูญ และความคิดเห็น ทำให้รัฐบาลชุดนี้มีความมั่นคง ประชาชนได้คลายทุกข์ มีโอกาสเปิดช่องทางทำมาหากิน 

“โพลใดก็ตามที่สำรวจเรื่องความเป็นเอกภาพ เป็นปึกแผ่น จงรักภักดี ซื่อสัตย์ต่อประชาชน ทุกโพลต้องบอกว่า ภูมิใจไทย”

“พูดแล้วทำ” ภูมิใจไทยทำทุกสิ่งที่ได้สัญญากับประชาชน เป็นพรรคการเมืองที่รักษาคำพูด โดยยึดนโยบาย “ทำได้เร็ว ทำได้เลย” ไม่ทำนโยบายเพ้อฝัน เพื่อเอาใจประชาชน สิ่งใดก็ตามที่ประกาศเป็นนโยบาย จะปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดไม่แปรเปลี่ยน โดยเฉพาะปัญหาปากท้อง 

นายอนุทิน ยังพูดถึงนโยบายที่พรรคภูมิใจไทยพยายามผลักดันต่อเนื่องตั้งแต่เมื่อครั้งประกาศนโยบายการเลือกตั้งครั้งก่อน และนโยบายที่จะผลักดันในการเลือกตั้งสมัยหน้า อาทิ นโยบายผลักดันกัญชาเป็นพืชเศรษฐกิจ “ปลูกได้ ขายได้ สร้างรายได้ให้คนไทย” ด้วยการแก้กฎหมายถอดกัญชาจากยาเสพติด อนุญาตปลูกกัญชาในครัวเรือนโดยไม่ผิดกฎหมาย แต่ต้องมาจดแจ้งกับเจ้าหน้าที่ และควบคุมผู้ประกอบการรายใหญ่ที่จะนำสารสกัดจากกัญชาไปผลิตสินค้า ซึ่งจะประกาศแนวทางต่อไป 

“หนามยอกต้องเอาหนามบ่ง ทำสิ่งที่คนเคยมองว่าเป็นผู้ร้ายมาเป็นพระเอก ทำสิ่งผิดกฎหมายให้ถูกกฎหมาย”

ส่วนนโยบายด้านสาธารณสุข พรรคภูมิใจไทยเข้ามาภายใต้สถานการณ์โควิด-19 สามารถบริหารให้อัตราผู้เสียชีวิตน้อยกว่าค่าเฉลี่ยถึง 1 เท่าตัว โดยวันนี้ประเทศไทยฉีดวัคซีนป้องดันโควิด-19 ให้ประชาชนครบ 100 ล้านโดสแล้ว คนไทยได้รับวัคซีนเต็มแขน พรรคภูมิใจไทยก็ภาคภูมิใจที่เราได้ทุ่มเทเพื่อให้ประชาชนมีภูมิคุ้มกัน เข้มแข็ง แข็งแรง จนได้รับยกย่องจากคณะวิจัย มหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ว่า ไทยมีระบบสาธารณสุขดีที่สุดเป็นอันดับ 5 ของโลก และอันดับ 1 ในเอเชีย ยืนยันว่าปีหน้าประชาชนจะได้รับวัคซีนบูสเตอร์จนกว่าโรคโควิด-19 จะหายไป ทั้งนี้ช่วงที่ผ่านมายังได้บรรจุบุคลากรทางการแพทย์ เป็นข้าราชการ 45,684 อัตรา เพิ่มสิทธิรักษาพยาบาล 30 บาท รักษาทุกโรค 30 บาท รักษาทุกที่ 

“ผมเข้าใจดี เพราะมาจากดิน ไม่ได้ลอยมาจากไหน สมัยเด็กผมมีญาติในครอบครัวถูกจัดในผู้ป่วยอนาถา คำนี้บาดหูและฝังใจผมมาก ผมจึงเสนอให้กรรมการยุทธศาสตร์พรรคตัดคำว่า ผู้ป่วยอนาถาออกจากระบบ ทุกคนต้องเข้าถึงระบบสาธารณสุขอย่างเท่าเทียม สามารถเข้ารักษาได้ทุกที่”

ส่วนนโยบายด้านการขนส่ง โดยกระทรวงคมนาคมที่มีนายศักดิ์สยาม ชิดชอบเป็นรัฐมนตรี ได้กำหนดอัตราความเร็วของยานพาหนะ 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยไม่ถูกดำเนินคดี ประกาศให้รถยนต์รับจ้างผ่านอิเล็กทรอนิกส์ เช่น แกร็บ ถูกกฎหมาย ทั้งยังลดรายจ่ายให้ประชาชนในวันหยุดนักขัตฤกษ์ และวันสำคัญของแต่ละปี ด้วยการขึ้นทางด่วนฟรี 25 วัน เป็นเวลา 15 ปี

นอกจากนี้ยังเร่งพัฒนาระบบขนส่งของประเทศ เช่น โครงการมอเตอร์เวย์ M6 บางปะอิน-นครราชสีมา วงเงิน 8,400 ล้านบาท โครงการรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ-นครราชสีมา โครงการรถไฟรางคู่ จำนวน 16 เส้นทาง วงเงิน 500,000 ล้านบาท ทั้งหมดจะช่วยกระจายรายได้ให้ประชาชนในหลายจังหวัด 

ทั้งยังจะส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมผ่านโครงการโฮมลอดจ์ -โฮมสเตย์ ทำบ้านพักเป็นโรงแรม สร้างรายได้ 100,000 ล้านต่อปี และแก้ปัญหาหนี้ กยศ. เปลี่ยนระเบียบไม่ต้องมีผู้ค้ำประกัน

นายอนุทิน ทิ้งท้าย ขอให้คำมั่นสัญญาว่าจะทำทุกสิ่งให้พี่น้องประชาชนที่ต้องประสบภัยพิบัตทางด้านสุขภาพ และเศรษฐกิจพ้นจากความทุกข์ เราจะทำงานอย่างหนักที่สุด จะเข้าใจ ฟังเสียงของพี่น้องให้มากที่สุด เพื่อเพิ่มอำนาจให้ประชาชนให้ไม่ตกอยู่ภายใต้อำนาจที่ไม่เป็นธรรม และอำนาจที่เกินขอบเขตของรัฐ ซึ่งทั้งหมดจะสำเร็จอยู่ที่นโยบาย “พูด แล้ว ทำ”

Related Posts

Send this to a friend