กทม.เตรียมติดตั้งระบบแก้ปัญหากลิ่น โรงขยะอ่อนนุช
รองผู้ว่าฯ จักกพันธุ์ เยี่ยมโรงงานขยะอ่อนนุช เตรียมติดตั้งระบบแก้ปัญหากลิ่น ย้ำให้ประชาชนมีส่วนร่วมให้มากที่สุด คาดทดสอบระบบช่วงปลายเดือนนี้
วันนี้ (14 ก.ค. 65) นายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมคณะ เข้าตรวจเยี่ยมโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ ที่ศูนย์กำจัดขยะมูลฝอยอ่อนนุช (โรงไฟฟ้า 800 ตัน) สืบเนื่องจากการติดตามแก้ปัญหาจากข้อร้องเรียนเรื่องกลิ่นที่กระทบต่อชุมชนโดยรอบ นำไปสู่การถูกระงับใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน
นายจักกพันธุ์ กล่าวว่า หลังจากที่ผู้ว่าฯ กทม.มาติดตามปัญหาเรื่องกระบวนการจำกัดขยะ ก็ได้ติดตามและปรึกษาหารือกับทางกรุงเทพธนาคมและบริษัทคู่สัญญามาโดยตลอด ซึ่งก่อนหน้านี้มีการปรับปรุงโรงงานทั้งการติดตั้งสเปรย์น้ำ การเสริมกำแพงจาก 2 เมตร เป็น 4 เมตร การปลูกต้นไม้ 500 ต้น รวม 3 แนว เป็นกันชนระหว่างโรงงานกับหมู่บ้าน แล้ว
หลังจากนี้จะมีการติดตั้งเครื่องดูดอากาศ เครื่องกำจัดกลิ่น และเครื่องตรวจวัดกลิ่น ติดตั้งทั้งหมด 12 จุด รวมพื้นที่ในหมู่บ้านด้วย เพื่อให้ทราบว่าค่าของกลิ่นในชุมชนเกินค่าที่ควรต้องเฝ้าระวังหรือไม่
นายจักกพันธุ์ ย้ำว่า หลังจากระบบทุกอย่างเสร็จสิ้นต้องให้ประชาชนมีส่วนร่วม เอามาพูดคุยว่าคิดอย่างไร รวมถึงในช่วงเดินระบบ ประชาชนต้องสามารถสะท้อนผลกระทบที่เกิดขึ้นได้ตลอด เพื่อนำมาปรับปรุงแก้ไขการดำเนินงานให้ดีที่สุด
ดร.ประแสง มงคลศิริ กรรมการผู้อำนวยการบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด กล่าวว่าได้รับทราบปัญหาที่พี่น้องประชาชนโดยรอบประสบมาโดยตลอด ได้รับมองหมายจากผู้บริหารให้มีคลุกคลีรับฟังปัญหาและสะท้อนในเชิงเทคนิคสู่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ปัญหาที่เกิดจะต้องแก้โดยเอกชนที่เป็นคู่สัญญา ได้พูดคุยถึงกระบวนการเชิงเทคนิคในการแก้ปัญหาดังกล่าวแล้ว และทางคู่สัญญาเองก็ยินดีที่จะแก้ไขปัญหาแม้จะเป็นเงื่อนไขที่อยู่นอกเหนือสัญญา เพื่อให้สามารถบริการประชาชนได้อย่างดีที่สุด และสิ่งที่สำคัญที่สุดหากจะกลับมาดำเนินงานอีกครั้งคือการมีส่วนร่วมของประชาชนที่ได้รับผลกระทบมาเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจ
รองผู้ว่าฯ กทม. กล่าวเพิ่มเติมว่า ต้องยอมรับว่าโรงงานขยะมูลฝอยอ่อนนุชต้องอยู่กับเราไปอีกนาน ปริมาณขยะของกรุงเทพมหานครมีมากกว่า 9,500-10,000 ตันต่อวัน เฉพาะที่อ่อนนุช 4,000 ตัน ที่หนองแขม 3,500 ตัน และที่สายไหม 3,000 ตัน ดังนั้นหากโรงงานใดมีปัญหาอาจทำให้ขยะตกค้างได้ จึงต้องรีบแก้ไขปัญหาที่กระทบกับประชาชนให้ได้เร็วที่สุด เพื่อให้สามารถกำจัดขยะได้อย่างเต็มประสิทธิภาพต่อไปในอนาคต คาดว่าภายในช่วงปลายเดือนนี้จะมีการทดสอบระบบโดยประชาชนมีส่วนร่วม
“…การมีส่วนร่วมของประชาชน การทำงานที่โปร่งใส การเปิดเผยข้อมูล กทม.ทำงานตรงไปตรงมา เป็นเรื่องสำคัญ อะไรที่ทำแล้วก่อให้เกิดปัญหาเราไม่ทำ หรือหากทำแล้วเป็นปัญหาเราต้องแก้ การแก้ต้องสามารถบอกให้ประชาชนทราบได้ถึงขั้นตอนกระบวนการ และทุกขั้นตอนประชาชนต้องเข้ามามองอย่างชัดเจน ว่าเราทำอย่างตรงไปตรงมา…” นายจักกพันธุ์ กล่าว