POLITICS

นายกฯ เปิดโครงการ “1โรงเรียน 1 ครูอนามัย สร้างเด็กไทยรอบรู้สุขภาพ”

วันนี้ (13 ม.ค.66) พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดงาน โครงการ “หนึ่งโรงเรียนหนึ่งครูอนามัย สร้างเด็กไทยรอบรู้สุขภาพ” ณ โรงเรียนโพธิสารพิทยากร เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ โดยมี นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์ เข้าร่วมงาน

พลเอกประยุทธ์ กล่าวว่า “เป็นวันที่มีความสุขเพราะได้เห็นความก้าวหน้าอีกระดับ วันนี้เราให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพจิต ถ้าสุขภาพจิตดีสุขภาพกายก็ดี ทำอะไรก็ดีหมด งานในวันนี้คงไม่ใช่เฉพาะเรื่องสุขภาพของเด็ก แต่ต้องเรียนรู้เพื่อไปดูสุขภาพคนอื่น ด้วยทั้งกับตัวเองและสังคม สิ่งที่ตนฝากไว้คือทำอย่างไรจะนึกถึงตนเองและนึกถึงคนอื่นไปด้วย แบบนี้สังคมถึงจะดีขึ้น จะเป็นปึกแผ่น เดินหน้าสู่เสถียรภาพ”

“วันนี้ได้เห็นความความร่วมมือ ของหน่วยงานราชการที่ตั้งใจทำสิ่งดีๆ พื่อเสริมสร้างทักษะการใช้ชีวิตในโลกของเรา เคยพูดมาหลายครั้งว่าโลกของเราเป็นโลกใบเดิม แต่จะไม่ใช่โลกใบเดิมอีกต่อไป ทั้งในเรื่องสุขภาพ ความมั่นคง ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ดินฟ้าอากาศเปลี่ยนแปลงไปสิ้นเชิง เราต้องเตรียมความพร้อมคนของเรา คือ เยาวชนต้องเตรียมความพร้อม เอาเวลาไปคิดเรื่องแบบนี้ เพื่อให้เกิดความสร้างสรรค์ ว่าจะช่วยสังคมและประเทศชาติได้อย่างไร ส่วนคำขวัญวันเด็กที่ฝากไปแล้วว่า “รู้หน้าที่ มีวินัยใฝ่ความรู้” ซึ่งพยายามเขียนให้ง่ายที่สุดแล้ว โดยไม่ต้องไปแปล คำง่ายๆแค่นี้ รู้หน้าที่คือหน้าที่เราอยู่ตรงไหน มีวินัยได้อย่างไร และมีอะไรเกี่ยวข้องบ้าง ใฝ่ความดีคือใฝ่หาความดีเพื่อไปสู่อนาคตที่มั่นคง ทั้งนี้คาดหวังให้เด็กและเยาวชน เกิดการรับรู้ถึงบทบาทหน้าที่ความสำคัญของตนเอง รวมถึงบทบาทของครูอาจารย์ผู้ปกครอง ปลูกฝังในสิ่งที่ดีๆและองค์ความรู้ต่างๆ เพื่อสร้างเกาะคุ้มกันให้คนของเราเดินหน้าไปสู่ศตวรรษที่ 21 อย่างปลอดภัย”

“และขอให้ชื่นชมคนอื่นบ้าง ถ้าไม่ดีก็ให้อภัยเขานั่นคือทัศนคติที่ดีของสังคม ที่จะสร้างเกราะคุ้มกันให้กับลูกหลานของเรา ที่มีทั้งวิกฤตและโอกาส อยากให้ทุกคนเรียนรู้ เราอยู่คนเดียวไม่ได้อีกแล้ว เราอยู่ประเทศเดียวไม่ได้อีกแล้ว โลกเปลี่ยนแปลงไปมากโดยเฉพาะ ด้านดิจิทัล เหมือนช่วงโควิดที่ผ่านมา เป็นสิ่งที่เราต้องเรียนรู้ว่าจะต้องไม่ประมาท ที่สำคัญการเรียนหนังสือ ไม่ใช่เพื่อการสอบเพียงอย่างเดียว จะต้องเรียนรู้ในการพัฒนาสมอง เปิดกว้าง และคัดแยกว่าอะไรดีหรือไม่ดี หากเรามีภูมิคุ้มกันไม่ดีพอ ก็จะทำให้เสียโอกาสในอนาคต และมีปัญหาที่จะอยู่ร่วมกับผู้อื่น”

“เมื่อเดินเข้าไปในห้องเรียนห้องหนึ่ง ซึ่งมีความสุขและดีใจที่ได้เห็นห้องเรียนแบบนั้น ที่เห็นบรรยากาศนักเรียนกล้าแสดงออก ไม่เหมือนสมัยเราเด็กที่ไม่กล้าพูดไม่กล้าแสดงออก พร้อมบอกว่าวันนี้ ครูกับนักเรียนต้องเป็นคู่คิดให้เกียรติซึ่งกันและกัน ครูจะต้องทำให้เด็กมีหัวใจแห่งความเข้มแข็ง ดูแลสุขภาพกายสุขภาพใจของตนเองอย่างถูกต้อง และนำไปสู่เป้าหมายหลักของการพัฒนาเด็กตามหลัก 4 H อาทิ head ,hand, heart และhealth สิ่งเหล่านี้คือหัวใจของเด็กทุกคนที่จะทำให้มีความเข้มแข็ง ถือเป็นพื้นฐานในการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ ที่จะทำเพื่อคนอื่น ทำให้สังคมและประเทศเดินหน้าต่อไปได้ รวมทั้งสานต่ออดีตที่ผ่านมา ที่จะต้องเรียนรู้ว่าสิ่งใดดีงามต้องสืบสานต่อ สิ่งใดไม่ดีก็หยุดไว้เท่านั้นเอง ต้องเข้าใจว่าเราไม่ได้ปลูกฝังอะไรทั้งสิ้น แต่อยากให้ทุกคนซึมซับไว้ในหัวใจความเป็นไทย ว่าจะรักษาชาติบ้านเมืองในอนาคตได้อย่างไร พร้อมเป็นกำลังใจให้ครูอนามัยทุกคน ตัวครูเองก็ต้องเข้มแข็งเพื่อถ่ายทอดความรู้ให้เด็ก”

“เมื่อสักครู่ได้เห็นแปลงผักอยู่ ก็ได้ถามว่าที่มีแค่นั้นเหรอ พร้อมแนะนำให้ปลูกผักคอนโด เพราะหลายประเทศทำแบบนี้ เมืองไทยก็เป็นแบบนี้ พื้นที่น้อยลง ที่แพงขึ้น ปลูกพืชคอนโดจะได้มีอาหารเสริมกลางวัน รัฐบาลสนับสนุนมื้อกลางวันได้ไม่มากนัก ทุกสถานที่โรงเรียน และพื้นที่ชุมชนก็สามารถทำได้เช่นกันว่างๆก็มาช่วยกันทำเพื่อลดภาระค่าใช้จ่าย”

ทั้งนี้หลังเปิดงานนายกรัฐมนตรีเยี่ยมชมนิทรรศการ 4 ฐาน คือ 1.นาทีชีวิต ทำCPR ซึ่งนายกได้ทดลองทำ พร้อมบอกว่าเห็นประโยชน์อย่างอื่นด้วยคือ ได้ออกกำลังกาย และขอให้นักเรียนทำด้วยความมั่นใจแล้วเราจะได้กุศล ส่วนฐานที่ 2.คือฐานคัดกรองสุขภาพจิตและสารเสพติด ซึ่งนายกร่วมกิจกรรมคีบตุ๊กตา ได้ตุ๊กตาหมีสีขาว ส่วนฐาน 3.ผลิตภัณฑ์สุขภาพ และฐาน 4.ตรวจเต้านม

Related Posts

Send this to a friend