POLITICS

นายกฯ รับดอกไม้จากผู้เลี้ยงสุกร หลังเดินหน้าปราบหมูเถื่อน

นายกฯ รับหนังสือ – ดอกไม้ให้กำลังใจจาก ผู้เลี้ยงสุกรทั่วประเทศ หลังเดินหน้าปราบหมูเถื่อน ยัน รัฐบาลให้ความสำคัญ เห็นความเดือดร้อนของประชาชน

วันนี้ (12 ธ.ค. 66) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วย ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และคณะ รับหนังสือจากนายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ พร้อม 6 สมาคมวิชาชีพสัตวแพทย์ สัตวบาล เวชภัณฑ์ อาหารสัตว์ และผู้แปรรูปปศุสัตว์เพื่อการส่งออก พร้อมผู้เลี้ยงสุกรทั่วประเทศ ที่รวมตัวกันเพื่อขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ปราบปรามหมูเถื่อนจริงจัง พร้อมยื่นข้อเสนอ 9 ประเด็นสำคัญ ที่จำเป็นต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วน

นายสิทธิพันธ์ ธนาเกียรติภิญโญ นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ กล่าวว่า ปัญหาการลักลอบนำเข้าสินค้าเนื้อสุกรผิดกฎหมายจากต่างประเทศ หรือหมูเถื่อน เข้ามาแย่งตลาด สร้างความเดือดร้อน เสียหายให้กับผู้เลี้ยงสุกรของไทยอย่างต่อเนื่อง พวกเราขอขอบพระคุณ ฝ่ายบริหารทุกหน่วยงานที่ทุ่มเททำงานอย่างจริงจัง เข้มงวดต่อภารกิจปราบหมูเถื่อนอย่างต่อเนื่อง และจะเสนอ 9 ประเด็นสำคัญถึงนายกรัฐมนตรีเพื่อขอให้สั่งการแก้ปัญหาบรรเทาความเดือดร้อนของภาคปศุสัตว์ ประกอบด้วย

1.) เร่งรัดดำเนินคดีผู้นำเข้าเนื้อสุกรผิดกฎหมาย

2.) ขอให้เร่งรัดมาตรการทางการเงินให้เร็วขึ้น เพื่อช่วยเหลือผู้เลี้ยงสุกรรายย่อยที่ประสบปัญหาขาดทุน-วิกฤตด้านราคาสุกรตกต่ำ

3.) เนื่องจากสุกรเป็นสินค้าควบคุม ภายใต้กระทรวงพาณิชย์ จึงขอให้มีการกำกับดูแลราคาสินค้าสุกรและสุกรมีชีวิตหน้าฟาร์มให้เกิดความเป็นธรรม สามารถปรับเพิ่มราคาขายได้ให้สอดคล้องกับต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นได้

4.) ขอให้ระงับการนำสินค้าสุกรเข้าไปอยู่ในกรอบการเจรจาเขตการค้าเสรี ไทย-สหภาพยุโรป (FTA Thai-EU) ตราบใดที่ภาคปศุสัตว์ของไทย ยังคงต้องแบกรับผลผลิตพืชอาหารสัตว์ในราคาที่สูงกว่าตลาดโลก

5.) ห้ามการจำหน่ายสินค้าเนื้อสุกรสด ในช่องทางออนไลน์ ซึ่งจะมีผลต่อคุณภาพของสินค้าในระหว่างการจัดส่งผ่านช่องทางการขนส่งทั่วไปที่ไม่มีการควบคุมอุณหภูมิที่เหมาะสม และไม่มีการควบคุมการเคลื่อนย้ายซากสัตว์

6.) ขอให้กำกับดูแลราคาสินค้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ให้เกิดความเป็นธรรมต่อเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดและเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ เข้มงวดในการบังคับใช้ประกาศมาตรฐานการหักลดน้ำหนักเมล็ดข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่มีความชื้น ของกรมการค้าภายในเพื่อไม่ให้ผู้รวบรวมรับซื้อข้าวโพดท้องถิ่นกดราคารับซื้อจากเกษตรกรเกินความเป็นจริง รวมถึงให้มีการพิจารณาทบทวนวิธีการคำนวณหักน้ำหนักความชื้นให้เหมาะสมสอดคล้องกับปัจจุบันที่มีการปรับเปลี่ยนสายพันธุ์และรูปแบบการเพาะปลูก

7.) ขอให้ยกเลิกมาตรการที่เป็นอุปสรรคต่อการนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ อาทิ มาตรการควบคุมการนำเข้าข้าวสาลี 3 : 1 ส่วน การกำหนดระยะเวลานำเข้าข้าวโพด AFTA และให้มีการขึ้นทะเบียนผู้นำเข้าแทน ซึ่งมาตรการเหล่านี้ทำให้ประเทศไทยมีราคาวัตถุดิบที่สูงกว่าทุกประเทศในโลก และพิจารณาปรับลดภาษีนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ อาทิ ภาษีกากถั่วเหลือง 2%, ภาษีกากเบียร์(DDGS) 9% และภาษีปลาป่น 15% รวมถึงภาษีวัตถุดิบอาหารสัตว์ชนิดอื่น เนื่องจากจะเป็นต้นทุนที่ส่งผ่านต่อมายังผู้เลี้ยงสัตว์

8.) พิจารณาโครงสร้างราคากากถั่วเหลืองเมล็ดนำเข้าที่ขายภายในประเทศตามต้นทุนการผลิตจริง เนื่องจากมีการตั้งราคาอ้างอิงตลาดโลกโดยบวกค่าขนส่งและภาษีนำเข้า 2% ไปในราคาขาย ตราบใดที่การนำเข้ากากถั่วเหลืองยังคงมีภาษีนำเข้า 2% เท่ากับผู้ประกอบการที่ซื้อกากถั่วเหลืองในประเทศจะต้องเสียภาษีให้กับผู้ขายในประเทศไปโดยปริยาย ซึ่งที่ผ่านมามักจะได้รับการกล่าวอ้างว่ารายได้ส่วนนี้มีไว้เพื่อช่วยเหลือผู้บริโภคน้ำมันถั่วเหลืองในประเทศ เปรียบเสมือนเกษตรกรปศุสัตว์ต้องช่วยจ่ายค่าน้ำมันถั่วเหลืองให้ผู้บริโภคทั้งประเทศ

9.) ส่งเสริมการปลูกพืชอาหารสัตว์ที่ได้ที่มาตรฐาน GAP และส่งเสริมให้ใช้เทคโนโลยี GMO หรือ Gene Editing ที่จะทำให้ผลผลิตต่อไร่สูงขึ้น เป็นการลดต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์ เช่น ข้าวสายพันธุ์ที่ได้ผลผลิตสูงที่เหมาะสำหรับเป็นพืชอาหารสัตว์โดยตรง โดยภาคเอกชนยินดีที่จะให้ความร่วมมือกับกรมวิชาการเกษตรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อการผลักดันอย่างเป็นรูปธรรม และต่อเนื่อง

ด้านนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอขอบคุณพี่น้องเกษตรกรผู้เลี้ยงหมูทุกท่าน ที่สละเวลามาให้กำลังใจพวกเรา และผู้ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งความจริงแล้ว ไม่ต้องขอบคุณก็ได้ เพราะเป็นหน้าที่ของเราอยู่แล้ว ปัญหานี้หมักหมมมาหลายปี กว่า 3 – 4 ปี เราเข้ามาได้ 3 เดือนเอง รัฐมนตรีทุกคนก็ทำงานอย่างจริงจัง และทำงานต่อเนื่อง ซึ่งก็ต้องแก้ปัญหาต่อไป ยืนยันว่า รัฐบาลทำงานอย่างเต็มที่ ขอให้มีความอดทน เราจะมุ่งมั่นทำงานต่อไปไม่มีการปกปิด เอื้ออำนวยให้กับใครทั้งสิ้น ทุกคนเข้าใจถึงความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน และยังมองข้ามไปถึงพี่น้องที่เลี้ยงหมู ทั้งเรื่องการเตรียมเงินทุน พันธุ์หมูไว้ให้ด้วย

Related Posts

Send this to a friend