POLITICS

‘วราวุธ’ คาดเบี้ยเด็กแรกเกิดได้รับ 18 ก.ย.นี้

‘วราวุธ’ ชี้ พม. ต้องทำงานเชิงรุกมากขึ้น เตรียมมอบนโยบายวันอังคารนี้! คาดเบี้ยเด็กแรกเกิดได้รับ 18 ก.ย.นี้ ขอโทษที่ล่าช้า เหตุเป็นช่วงเปลี่ยนผ่าน ครม.

วันนี้ (12 ก.ย. 66) ที่อาคารรัฐสภา นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนก่อนการเข้าประชุมร่วมรัฐสภาว่า เมื่อวานนี้ในการแถลงนโยบาย มีสมาชิกพูดถึงเรื่องเบี้ยผู้สูงอายุ โดยคาดว่าในวันนี้จะมีประเด็นเพิ่มเติม ซึ่งจะประมวลข้อสังเกตของสมาชิกท่านอื่น และขอขอบคุณหลายฝ่ายที่ตั้งแต่แถลงนโยบายก็ได้ติดต่อเข้ามา โดยการทำงานของ พม. ต่อจากนี้จะทำงานเชิงรุกมากยิ่งขึ้น สร้างความตระหนักรู้อีกหลายฝ่ายในสังคม

ส่วนเรื่องเบี้ยเด็กแรกเกิดที่เป็นปัญหา นายวราวุธ ระบุว่า ต้องขอกราบอภัยประชาชนกว่า 2 ล้านราย ที่รอรับเบี้ยสนับสนุน 600 บาทต่อเดือน แต่ยังไม่ได้ เพราะเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านของคณะรัฐมนตรี ทำให้ไม่สามารถอนุมัติงบประมาณดังกล่าวได้ และคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ก็ไม่มีอำนาจในการนำวาระมาอนุมัติงบประมาณ โดยในวันพรุ่งนี้จะมีการประชุม ครม.นัดแรก ตนเองได้ประสานกับสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี สำนักงบประมาณ กรมบัญชีกลาง เพื่อที่จะทำให้เงินอยู่ในบัญชีของประชาชนได้ภายในวันที่ 18 ก.ย. นี้

นายวราวุธ กล่าวต่ออีกว่า ทุก ๆ เดือนสุดท้ายของปีงบประมาณ จะมีงบประมาณไม่เพียงพอ ซึ่งไม่ได้ให้มาขาด แต่จำนวนของเด็กที่ได้รับการสนับสนุนในแต่ละเดือนมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ดังนั้น สำนักงบประมาณจะให้เงินเป็นเลขกลม ๆ หากขาดเหลือเท่าไหร่ ก็มาของบประมาณอีกครั้ง ซึ่งปีนี้ตรงกับช่วงการเปลี่ยนผ่านรัฐบาล ทำให้เกิดความล่าช้า จะไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก

ส่วนการมอบนโยบายให้กระทรวง พม. ในสัปดาห์หน้า นายวราวุธ ระบุว่าจะมอบนโยบายให้ข้าราชการกระทรวง พม. ในวันอังคารที่ 19 ก.ย. นี้ ที่ผ่านมา พม. มีภารกิจเยอะมาก ทั้งเรื่องเด็ก และเยาวชนคน ทุกเพศ ทุกวัย และทุกสถานะ รวมไปถึงการเคหะที่ดูแลเรื่องที่พักอาศัย ดังนั้น งานที่ผ่านมาเป็นงานที่เข้าถึงประชาชนในทุกระดับ แต่บางครั้งต้องตระหนักถึงหน้าที่ของข้าราชการ เพราะประชาชนยังไม่รับรู้เท่าที่ควร เราจึงควรทำงานรุกมากขึ้น ทั้งการดูแลสวัสดิการประชาชน ให้ได้รับการรับรองในมิติต่าง ๆ

“การทำงานของ พม. จะเป็นกำแพงให้พี่น้องประชาชน ได้พิงเวลาเจอปัญหา จะเป็นเกราะป้องกันให้ประชาชนในยามเจออันตราย ดังนั้น มิติของ พม. ทั้งในไทยและทั่วโลกจะถูกทำให้มีความหลากหลายมากขึ้น” นายวราวุธ กล่าว

ส่วนกรณีของ “หยก” นายวราวุธ กล่าวว่า จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ทั้งเรื่องการศึกษา และส่วนที่เกิดขึ้นภายในครอบครัว โดยบริบทการทำงานของ พม. คงไม่ก้าวล่วงไปในเรื่องการศึกษา แต่เรื่องของครอบครัว เราจะใช้สหวิชาชีพทุกทุกแขนงในการดูแล ซึ่งไม่ได้เน้นการแก้ไขที่บุคคลใดบุคคลหนึ่งแต่ต้องป้องกันทั้งระบบ ไม่ให้เกิดปัญหาเช่นนี้อีก

Related Posts

Send this to a friend