‘ปริญญา’ มองเป็นสิทธิ ‘ทักษิณ‘ ยื่นขอความเป็นธรรมคดี 112
‘ปริญญา’ มองเป็นสิทธิ ‘ทักษิณ‘ ยื่นขอความเป็นธรรมคดี 112 ใช้เป็นข้อต่อสู้ยืนยันความบริสุทธิ์ในศาล ชี้ถ้าอัยการจะถอนฟ้องต้องมีเหตุจำเป็นอย่างยิ่ง
วันนี้ (11 มิ.ย. 67) ผศ.ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ร้องขอความเป็นธรรมจากการถูกดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ว่าเรื่องนี้อัยการสูงสุดได้แถลงข่าวมาว่าได้ สั่งฟ้องเรียบร้อยแล้ว แต่ครั้งที่ผ่านมายังเริ่มกระบวนการชั้นศาลไม่ได้ เพราะตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาต้องมีจำเลยมาอยู่ต่อหน้าศาล ซึ่งนายทักษิณ ส่งใบรับรองแพทย์ว่าป่วยด้วยโรคโควิด-19 ซึ่งอัยการสูงสุดได้นัดนายทักษิณ ให้มาฟังคำสั่งฟ้องต่อศาลอาญาอีกครั้งในวันที่ 18 มิ.ย.นี้ ส่วนการร้องขอความเป็นธรรมจะมีผลต่อการพิจารณาของอัยการสูงสุดหรือไม่ อาจมีคำถามเกิดขึ้นว่าเหตุใดนายทักษิณถึงไม่ร้องก่อนหน้านี้ อัยการสูงสุดจะเปลี่ยนมติจากเดิมที่สรุปแล้วว่าจะสั่งฟ้อง ขาดเพียงแต่ส่งตัวจำเลยต่อศาล แล้วอยู่ดี ๆ จะถอนคำร้องก็จะดูประหลาด
ส่วนการร้องขอความเป็นธรรมจะเป็นการประวิงเวลา กดดันอัยการสูงสุดให้ถอนฟ้องหรือไม่ ผศ.ดร.ปริญญา ยืนยันว่านายทักษิณสามารถร้องขอความเป็นธรรมได้ หากเคยร้องไปแล้วต่างจากครั้งแรกหรือไม่ หากไม่ต่างกันก็เหมือนร้องซ้ำในเรื่องเดิม เรื่องใหญ่อยู่ที่อัยการสูงสุด เพราะได้ฟ้องต่อศาลแล้ว อัยการสูงสุดจะถอยหรือไม่ หากถอยต้องมีเหตุพิเศษอย่างยิ่ง มองว่าเรื่องนี้นายทักษิณ ต้องการให้สาธารณชนได้เห็น เพื่อตั้งประเด็นสู้คดีในชั้นศาล
“เขามีสิทธิที่จะยื่นคำร้อง ทุกคนมีสิทธิไม่ว่าใคร หากคิดว่ากระบวนการตรงไหนไม่เป็นธรรม ก็สามารถร้องได้ ต่อให้ฟ้องไปแล้วก็ถอนฟ้องได้ หากอัยการมีเหตุที่รับฟังได้”
ผศ.ดร.ปริญญา มองว่าการที่อัยการจะถอนฟ้องเป็นไปได้ยาก เพราะได้แถลงข่าวไปแล้ว การร้องขอความเป็นธรรม เป็นการเปิดประเด็นต่อสาธารณะว่าไม่ได้ผิด ไม่ได้รับความเป็นธรรม เป็นการเปิดประเด็นต่อสู้ในชั้นศาล ทั้งนี้ที่นายทักษิณ ระบุเหตุผลในการร้องขอความเป็นธรรม เพราะถูกดำเนินคดีในยุคของ คสช.นั้น เป็นเรื่องที่อัยการสูงสุดต้องพิจารณา สามารถใช้เป็นข้อต่อสู้ในชั้นศาลได้ แต่ความยากคือเมื่ออัยการสูงสุดได้สั่งฟ้องแล้วจะถอยอย่างไรต้องมีเหตุผล
