POLITICS

ปชป. เปิดตัว ดร.เอ้-มาดามเดียร์ ขึ้นแท่นปธ.คณะทำงานเลือกตั้ง กทม.

ปชป. เปิดตัว ดร.เอ้-มาดามเดียร์ ขึ้นแท่นประธานคณะทำงานการเลือกตั้งในพื้นที่กทม. เตรียมความพร้อมด้านนโยบายและผู้สมัคร ลงสู้ศึกเลือกตั้งครั้งหน้า

วันนี้ (10 ต.ค. 65) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค และประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ กทม. พรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวเปิดตัว น.ส.วทันยา บุนนาค และนายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ เป็นประธานคณะทำงานของพรรค ในการผลิตนโยบาย และการคัดเลือกผู้สมัครในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เพื่อเตรียมความพร้อมในการเลือกตั้งในครั้งหน้า

นายองอาจ เปิดเผยว่า ขณะนี้มีสัญญาณว่ากำลังเข้าสู่การเลือกตั้ง โดยเฉพาะในช่วง 180 วัน ที่สภาผู้แทนราษฏรจะครบวาระ ซึ่งสภาอาจจะครบวาระ หรืออาจจะมีการยุบสภาก่อนนั้น ทางพรรคประชาธิปัตย์ก็ได้เตรียมความพร้อมเลือกตั้ง ในครอบข่ายทั่วประเทศ หรือแม้แต่ส่วนภูมิภาคต่าง ๆ สำหรับพื้นที่ กทม. คณะกรรมการยุทธศาสตร์ กทม. ของพรรคได้เตรียมความพร้อมในการเลือกตั้งมาสักระยะหนึ่ง และได้มีคณะเตรียมการเลือกตั้ง ที่ได้ดำเนินการในเรื่องต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง โดยจะมีอยู่ 3 ส่วนสำคัญ คือ

  1. ยุทธศาสตร์การเลือกตั้งในส่วนของ กทม. นั้นจะมีความแตกต่างในภูมิภาคอื่น ๆ โดยเฉพาะการเลือกตั้ง ส.ส. ในพื้นที่ กทม. ซึ่งถือว่าเป็นพื้นที่ที่ประชาชนให้ความสนใจถึงว่าที่ผู้สมัครในพื้นดังกล่าว อีกทั้งในปี 2562 มีเขตเลือกตั้งทั้งหมด 30 เขต แต่ในการเลือกตั้งครั้งหน้าก็จะมีการปรับเพิ่มเป็น 33 เขต เพราะฉะนั้นการกำหนดยุทธศาสตร์จึงเป็นหัวใจสำคัญอันดับแรกของการเตรียมการเลือกตั้ง
  2. เรื่องของนโยบาย เช่นนโยบายสาธารณะต่างๆ เพื่อให้ประชาชน ได้ทราบถึงพรรคการเมืองที่จะสนับสนุน ว่านโยบายอะไรที่จะเข้าไปขับเคลื่อนให้ประชาชน ซึ่งทางพรรคก็ได้เตรียมการในส่วนของนโยบายที่จะนำเสนอต่อประชาชน ซึ่งพรรคเชื่อว่าจะต้องเป็นนโยบายที่ตอบโจทย์กับประชาชนในพื้นที่ กทม. และสอดคล้องกับนโยบายระดับชาติที่พรรคกำลังดำเนินการในการนำเสนอต่อประชาชนต่อไป
  3. ผู้สมัครรับเลือกตั้งในพื้นที่ กทม. ซึ่งในช่วงเวลาที่ผ่านมา พรรคก็ได้เตรียมการในเรื่องผู้สมัคร ที่ผ่านคุณสมบัติที่ตั้งไว้แล้วจำนวนหนึ่ง โดยผู้สมัครจะต้องมีความรู้ความสามารถ ประสบการณ์ในการทำงาน และสิ่งที่สำคัญ คือมีอุดมการณ์สอดคล้องกับพรรค และทำงานร่วมกับพรรคไปสู่เป้าหมายเพื่อประชาชนได้

นายองอาจ ระบุอีกว่า ในส่วนของว่าที่ผู้สมัครนั้น มีทั้งอดีต ส.ส. จำนวนหนึ่ง และคนรุ่นใหม่ที่เสนอตัวว่าอยากรับใช้ประชาชนในนามพรรค อีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งทั้ง 2 ส่วนนี้ จะต้องเป็นบุคคลที่เข้าใจในการทำงานร่วมกับประชาชนในพื้นที่ และจะต้องพร้อมที่จะทำงานรับใช้แก้ไขปัญหาให้กับประชาชนในพื้นที่ได้ตลอดเวลา รวมทั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ของพรรคได้เตรียมการณ์ทั้ง 3 อย่างนี้ไว้เพื่อเป็นการขับเคลื่อนให้กับการเลือกตั้งของพรรคในครั้งหน้านั้นประสบความสำเร็จ และจะต้องทำงานให้เกิดประโยชน์กับ ประชาชนทั่วไปเพิ่มมากขึ้น ซึ่งพรรคได้คัดสรรคนเหล่านี้มาอย่างต่อเนื่องเต็มที่ เพื่อให้ประชาชน สัมผัสได้ถึงความตั้งใจ และการเสนอตัวในการรับใช้ประชาชน

อย่างไรก็ตาม เพื่อการทำงานที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ด้านนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จึงได้แต่งตั้ง น.ส. วทันยา บุญนาค และนายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ เข้ามาเป็นประธานคณะทำงานในการขับเคลื่อนงานในกทม. ร่วมกับคณะเตรียมการเลือกตั้ง รวมถึงตัวแทนพรรค และทีมงานของพรรค ทั้ง 33เขต โดนแบ่งเป็นคณะทำงานทั้ง 2 ชุดที่หัวหน้าพรรค ได้มีการเซ็นหนังสือแต่งตั้งแล้วดังนี้

ชุดแรก คือ นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ เป็นประธานคณะทำงานนโยบายกรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์

ชุดสอง คือ น.ส. วทันยา บุญนาค เป็นประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมืองกรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์

นายองอาจกล่าวทิ้งท้ายว่า พรรคประชาธิปัตย์มีความมั่นใจว่าการทำงานของทั้ง 2 คน จะมีส่วนอย่างสำคัญที่ทำให้สมาชิกของพรรคทั้งหมด หลอมหลวมเป็นหนึ่ง และสามารถทำงานเพื่อเป้าหมาย ในการทำให้ประชาชนในกรุงเทพ ฯ มอบความไว้วางใจให้กับผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์

นายสุชัชวีร์ กล่าวว่า ขอบคุณหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และทีมงานของพรรค ที่ให้โอกาสทำหน้าที่เป็นประธานนโยบายของ กทม. ซึ่งตนเองเห็นว่าปัญหาของ กทม. เป็นปัญหารากลึก และเป็นปัญหาเชิงโครงสร้าง ซึ่งการที่เราจะนำเสนอนโยบายนั้นผลลัพธ์ที่ได้ทั้งไม่ใช่เฉพาะกรุงเทพมหานคร แต่จะเป็นทั้งประเทศไทย ซึ่งการจะทำเช่นนั้นเราจะต้องได้รับการสนับสนุนจากภาคใหญ่ นั้นก็คือการเลือกตั้งครั้งหน้า

เหตุผลว่าทำไมประชาชนจะต้องเลือกพรรคประชาธิปัตย์ เพราะนโยบายของพรรคมีความตั้งใจจริงที่สร้างนโยบายให้ตอบโจทย์กับประชาชน และทำตามนโยบายได้จริง รวมทั้งนโยบายมีความทันสมัยสามารถรองรับปัญหาในอนาคตได้ โดย ไม่ต้องแก้ไขซ้ำซาก

อีกทั้งนโยบายทุกนโยบายของพรรคจะต้องเป็นนโยบายที่ประชาชนเป็นตัวตั้ง หลังจากนี้จะต้องลงพื้นที่พูดคุย และรับฟังปัญหากับประชาชน เพื่อหาแนวทางในการแก้ปัญหาเชิงลึก และปัญหาเชิงโครงสร้าง พร้อมกับทีมงานในพื้นที่ กทม. ซึ่งตนเองกับน.ส.ทวันยา และทีมงานของพรรคว่าจะทำงานอย่างเต็มที่ในการแก้ไขปัญหาเพื่อประชาชนอย่างถึงที่สุด

ด้าน น.ส. วทันยา กล่าวว่า ตนเองขอขอบคุณพรรค และคณะบริหารพรรค ที่เปิดโอกาสให้ทำงานร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์ โดยตนเองมอง คำว่านวัตกรรมเป็นคำที่ใหญ่มาก สิ่งแรกที่เห็นคือ DATA หรือเทคโนโลยี ภายใต้คำว่า นวัตกรรมทำให้เห็นอะไรหลายๆ อย่าง หากนำมาใช้แปลเป็นภาษาการเมือง ก็หมายถึง การมีส่วนร่วมกับประชาชนในการทำงาน

ต่อมาคือการคิดสร้างสรรค์ หรือการกล้าที่จะคิดนอกกรอบ การกล้าที่จะคิดสิ่งใหม่ ไม่ยึดติดกับสิ่งเดิมๆ

และสิ่งสุดท้ายที่เห็นภายใต้คำว่า นวัตกรรม คือ การเปลี่ยนแปลงไปสู่อนาคต ซึ่งเหมือนวันแรกที่ตนเองเคยพูดในการเข้ามาร่วมงานกับพรรค ว่าขอให้ตนเองเป็นตัวเชื่อมโยงของคนรุ่นเก่า และรุ่นใหม่ และขอตนเองได้เป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนให้ประชาธิปัตย์เป็นสถาบบันทางการเมืองที่เข้มแข็งต่อไป

Related Posts

Send this to a friend