POLITICS

ชี้ปรับ ครม.อำนาจอยู่ที่นายกฯ แต่น่าจะให้แต่ละพรรคพิจารณากันเอง

นายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวถึงกระแสการปรับคณะรัฐมนตรีว่า อำนาจในการปรับคณะรัฐมนตรีเป็นของนายกรัฐมนตรี แต่อย่างไรก็ตามรัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลผสมจากพรรคการเมืองหลายพรรค มีรัฐมนตรีแต่ละพรรคร่วมรัฐบาลกับนายกรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีก็คงจะให้แต่ละพรรคการเมืองพิจารณากันเองหากจะมีการปรับคณะรัฐมนตรี แต่สำหรับพรรคประชาธิปัตย์ยังไม่มีสัญญาณใดๆ ยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์บริหารโดยคณะกรรมการบริหารพรรคและรับฟังรับฟังเพื่อร่วมพรรคอย่างกว้างขวาง จึงเป็นไปตามกฎเกณฑ์กติกาที่ข้อบังคับพรรคกำหนดไว้คือต้องฟังเสียงจากทุกคนที่เป็นองค์ประกอบของการประชุมพรรค

นายถาวร ยังกล่าวถึงการประเมินผลงานว่า สามารถประเมินได้จากหลายทาง ทั้งประเมินจากองค์กรภายนอก เช่น ซุปเปอร์โฟร์ นิด้าโพล หรือโพลต่างๆ ส่วนโพลจากภายในขณะนี้ยังไม่ทราบว่าทำงานได้พึงพอใจ มีประสิทธิภาพ หรือเป็นไปตามอุดมการณ์พรรคหรือไม่ เพราะไม่แน่ใจว่าภายในพรรคมีการประเมินการทำงานของรัฐมนตรีของพรรคหรือไม่ ซึ่งคงต้องถามคณะกรรมการบริหารพรรค ตนเองไม่ได้เป็นคณะกรรมการบริหารพรรค โดยต้องดูว่ามีการประเมินหรือไม่ ประเมินด้วยวิธีไหน และผลออกมาอย่างไร และก็จะเป็นการตัดสินใจของคณะกรรมการบริหารพรรค

ส่วนที่มีความเคลื่อนไหวกันภายในพรรค เพื่อหวังตำแหน่งในคณะรัฐมนตรี นายถาวรกล่าวว่า คงเป็นเพียงความหวังดีต่อการทำงานของพรรคและความพึงพอใจของประชาชน จึงทำให้คนภายในมีสิทธิ์ที่จะสอบถาม มีสิทธิ์แสดงความคิดเห็น มีสิทธิ์เสนอแนะ ซึ่งเป็นเรื่องปกติของพรรคประชาธิปัตย์ ถือว่าเป็นวัฒนธรรมประชาธิปไตยที่พรรรคอื่นเอาไปปฏิบัติไม่ได้ ย้ำว่าพรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคที่เป็นประชาธิปไตยจริงๆ

ส่วนการสัมมนานอกสถานที่ครั้งนี้จะเป็นการเคลียร์ใจหรือไม่นั้น นายถาวร กล่าวว่าคณะรัฐมนตรีของพรรคมีการพูดคุยกันทุกวันจันทร์และ ส.ส. กับคณะกรรมการบริหารพรรคก็มีการพูดคุยกันทุกวันอังคาร ซึ่งการประชุมครั้งนี้เป็นการประชุมปกติที่รับฟังความคิดเห็นจากคนในพรรค ซึ่งเป็นสิ่งที่มองว่าพรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคที่เปิดกว้างจริงๆ สำหรับการทำงานความรับผิดชอบในแต่ละตำแหน่ง

ส่วนการสัมมนาครั้งนี้จะนำไปสู่ผลการปรับคณะรัฐมนตรีหรือไม่นั้น นายถาวร กล่าวว่า ไม่สามารถบอกได้ เพราะว่ารัฐมนตรีของพรรคทำงานภายใต้การพิจารณาของคณะกรรมการบริหารพรรคที่มอบหมายให้ที่รัฐมนตรีทั้ง 7 คน นำนโยบายของพรรคนำไปสู่การปฏิบัติ ซึ่งยังต้องฟังคณะกรรมการบริหารพรรคอีกครั้งหนึ่งตามขั้นตอนที่มีในข้อบังคับพรรค

นายถาวรกล่าวว่า เบื้องต้นไม่ขอประเมินตัวเอง แต่มองว่ารัฐมนตรีคนอื่นๆ ของพรรคทำหน้าที่ที่แถลงไว้ในวันหาเสียง เมื่อเจรจาร่วมรัฐบาลกับพรรคการเมืองหลัก ก็นำเสนอนโยบายต่างๆ เช่นการประกันราคาพืชผล การแก้ไขรัฐธรรมนูญ และเรื่องอื่นๆ ซึ่งทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้ ดูแล้วรัฐมนตรีที่รับผิดชอบได้นำนโยบายไปใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ตลอดมาเป็นระยะเวลา 1 ปี

นานถาวร กล่าวว่า การสัมมนาครั้งนี้จะทำให้ส.ส. ต้องเปิดใจ ได้พูด ได้ฟัง ซึ่งเป็นเสน่ห์ของพรรคประชาธิปัตย์ ทุกคนต้องมีสิทธิ์พูด ทุกคนต้องมีสิทธิ์เสนอแนะ ถ้าเห็นว่าการทำงานส่วนไหนบกพร่องอยู่หรือยังต้องเสริมอยู่ และคนที่เป็นรัฐมนตรีต้องรับฟัง

Related Posts

Send this to a friend