POLITICS

‘กล้า’ แสดงจุดยืน ‘การเมืองคือเรื่องเศรษฐกิจ’ ประกาศก้าวข้ามความขัดแย้งเดิม มุ่งปากท้อง

‘พรรคกล้า’ แสดงจุดยืน “การเมืองคือเรื่องเศรษฐกิจ” ประกาศก้าวข้ามความขัดแย้งเดิม มุ่งเน้นปากท้อง-นวัตกรรมดิจิทัล พร้อมสู้ศึกเลือกตั้งซ่อมภาคใต้

วันนี้ (9 ธ.ค. 64) นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า และนายสราวุฒิ สุวรรณรัตน์ เลขานุการคณะทำงานภาคใต้ พรรคกล้า ให้สัมภาษณ์พิเศษกับผู้สื่อข่าว The Reporters ถึงนโยบายและแนวทางการบริหารงานพรรคกล้า เพื่อพัฒนาประเทศไทยในอนาคต โดยหัวหน้าพรรคกล้า เปิดเผยจุดยืนหลักของพรรคว่า “สำหรับเรา การเมืองก็คือเรื่องเศรษฐกิจ ถ้าแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้โดยไม่ยุ่งการเมือง เราก็คงไม่ตั้งพรรค”

“ผมต้องการสร้างการเมือง พร้อมรับฟังซึ่งกันและกัน ยอมรับความเห็นต่าง ผมเห็นคนรุ่นใหม่บางกลุ่มที่ไม่อดทนต่อความเห็นต่าง ผมเลยรู้สึกว่าแนวทางนั้นไม่ใช่แนวทางที่จะเห็นสังคมดีขึ้นได้ตามความต้องการของเขา แต่มันต้องอดทนต่อความเห็นต่าง เพราะทุกคนมีเหตุผลของตนเอง”

“ที่ผ่านมาการเมืองเน้นความขัดแย้งมากเกินไป ทุกครั้งที่มีความขัดแย้งย่อมมีผู้ได้ผลประโยชน์เสมอ ซึ่งไม่ใช่ประชาชน ไม่ใช่ประเทศชาติ ปัญหาก็ถกกันอยู่ในประเด็นที่ไม่ใช่ประเด็นหลักของประเทศ แต่เราคำนึงถึงว่าทำยังไงให้คนไทยทุกคนอยู่ดีกินดีได้ คำนึงถึงการสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ สร้างโอกาสการทำมาหากิน” นายกรณ์ กล่าว

เมื่อถามถึงฐานเสียงของพรรค นายกรณ์ชี้แจงว่า “พรรคเราไม่แบ่งตามวัย ถือว่าทุกคนช่วยกันคิดช่วยกันทำ แต่เมื่อเน้นนโยบายการสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ แนวโน้มก็อาจจะไม่ใช่ผู้สูงอายุ นอกจากผู้สูงอายุที่เป็นห่วงลูกหลานเท่านั้น ฉะนั้น แนวโน้มก็มักจะเป็นกลุ่มคนที่เป็นวัยทำมาหากินที่อาจให้ความสำคัญกับเรามากกว่า ในวัยทำงานหรือวัยคนรุ่นใหม่ แต่สุดท้ายเรื่องเศรษฐกิจก็ครอบคลุมได้กับคนทุกวัย”

“ถ้าแบ่งตามพื้นที่ ต้องยอมรับว่าคนยังมีภาพจำว่า ‘กรณ์’ คือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในรัฐบาลประชาธิปัตย์ ภาพจำยังมี ฉะนั้นฐานเสียงเก่าจากประชาธิปัตย์อาจตามมา เช่น กรุงเทพฯ และภาคใต้ มากกว่าภาคอีสานหรือภาคเหนือ แต่เราก็ยังลงพื้นที่ไปทั่วประเทศ ความตั้งใจของเราคือได้ผู้แทนจากคนทุกวัยจากคนทุกภูมิภาค”

ส่วนของการบริหาร ความเห็นของหัวหน้าพรรคกล้าต่อบทบาทของรัฐบาลคือ “การจัดการให้มีประสิทธิภาพและโปร่งใส พรรคเราเน้นเทคโนโลยีเป็นส่วนมาก ทีมนโยบายเทคโนโลยีสำคัญก็รวมตัวผู้เชี่ยวชาญไว้ที่นี่หมดแล้ว ก็จะรวมไปถึงการปฏิรูประบบราชการที่พรรคกล้าตั้งใจทำให้ระบบเป็นดิจิทัลเทคอย่างสมบูรณ์แบบ และเราจะไปไกลกว่านั้น ภารกิจคือทำยังไงให้เศรษฐกิจไทยเป็นเศรษฐกิจบนเทคโนโลยีดิจิทัลสมบูรณ์แบบ” ทั้งนี้ นายกรณ์ยังให้ความสำคัญกับ Regulatory Guillotine หรือการกำจัดกฎหมายที่ล้าสมัยและย้อนแย้ง เพื่อให้ทันต่อยุคมากขึ้น

กรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า

“นโยบายเศรษฐกิจใครจะพูดก็พูดได้ แต่ต้องดูที่ตัวบุคคล ใครพูด พูดยังไง เคยทำมาก่อนไหม ถ้าประชาชนจะฝากอนาคตในเรื่องนี้ จะฝากไว้ที่ใคร” นายกรณ์ กล่าว

สำหรับประเด็นทางเศรษฐกิจของประเทศ หัวหน้าพรรคกล้าในฐานะอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประเมินว่า “ตอนนี้รัฐบาลอยู่ในโหมดคิดถึงแต่เรื่องประเด็นการเมือง ทั้งภายในพรรค และการเมืองที่จะไปสู่การเลือกตั้ง ไม่ได้มีแนวความคิด หรือยุทธศาสตร์กระตุ้นเศรษฐกิจ หรือการสร้างความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจไว้รองรับอนาคต จึงเห็นแค่นโยบายตื้น ๆ”

“เศรษฐกิจปีหน้าท้าทายอยู่แล้ว ที่ผ่านมาเราใช้เงินมหาศาลไปกระตุ้นไว้เยอะ แล้วละลายหายไป ปีหน้าการท่องเที่ยวอาจเห็นดีขึ้นบ้างแต่อาจไม่มาก เพราะตลาดหลักของเราคือจีนยังไม่กลับมา ส่วนตะวันตกยังลังเลไม่แน่นอนด้วยการแพร่ระบาดของสายพันธุ์ใหม่ที่สร้างความสับสนกังวลใจ แน่นอนว่าผู้ประกอบการทุกคนต้องปรับตัว แต่การเปิด-ปิดหลายครั้งก็กระทบแหล่งทุน ผู้ประกอบการจะรีสตาร์ททั้งทีก็ต้องใช้เงิน แต่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่ชัดเจน ก็ยิ่งน่ากลัว”

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงการเลือกตั้งซ่อมในเขตเลือกตั้งจังหวัดชุมพร เขต 1 และจังหวัดสงขลา เขต 6 ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้ 5 แกนนำ กปปส. พ้นสมาชิกภาพ ส.ส. นั้น หัวหน้าพรรคกล้ามั่นใจในการลงชิงสนามเลือกตั้งซ่อมนี้ เพราะ “เราวางตัวว่าที่ผู้สมัครไว้เกือบปีแล้ว เราอ่านเกมว่าศาลวินิจฉัยแนวนี้แน่นอน เพราะงั้นนี่จึงเป็นพื้นที่และโอกาสของเราที่จะได้มี ส.ส. คนแรกหรือสองคนพร้อมกันในสภาฯ ปัจจุบัน ถ้าสำเร็จเราก็จะได้เริ่มแสดงออกในความตั้งใจที่เรามีในการพัฒนาประเทศ สร้างโอกาสให้กับประชาชน ซึ่งก็จะเป็นโอกาสสำคัญ นำไปสู่การเลือกตั้งใหญ่ในอนาคต ประชาชนก็จะเห็นบทบาทของพรรคกล้าว่าเราทำงานแบบไหน”

นายกรณ์ กล่าวถึงเขตเลือกตั้งจังหวัดชุมพรว่า “ชุมพรเป็นศูนย์กลางด้ามขวาน ควรมีการพัฒนาเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ สินค้าเกษตร แหล่งท่องเที่ยว แต่ถูกทอดทิ้งมานานมาก ขาดการพัฒนาอย่างสิ้นเชิง การเมืองในจังหวัดเองก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงมานานมาก มันเหมือนเป็นจังหวะที่รอคอยการส่งเสริมการพัฒนา เป็นโจทย์ที่มีเสน่ห์ว่าชาวชุมพรเองมองว่าถึงเวลาเปลี่ยนหรือยัง” 

ส่วนสงขลา นายกรณ์เห็นว่า “ยังมีประเด็นเดิม การเมืองก็แข่งขันระหว่างผู้มีอิทธิพลท้องถิ่น แต่สุดท้ายขาดการพัฒนา คนหาดใหญ่วันนี้ก็ยังจิตตกอยู่จะฟื้นฟูยังไง ที่ผ่านมาสงขลาเปลี่ยนแปลงทั้งหมดเองได้จากภาคประชาชนเอง การเมืองก็ไม่สนับสนุนเลย สงขลาโอกาสต่างจากชุมพรตรงที่เป็นตัวเชื่อมเศรษฐกิจระหว่างภาคใต้ตอนล่างกับมาเลเซียและสิงคโปร์ ทำอย่างไรจะให้มีการเชื่อมโยงอย่างไร้รอยต่อ (seemless) มีระดับการพัฒนาที่กลมกลืนเสมอภาคกับเพื่อนบ้านเรา”

นายกรณ์เห็นว่าปัญหาสำคัญของการเมืองในภาคใต้คือ “การติดกับดักระบบทายาท ซึ่งเป็นสิ่งที่ท่านชวนเตือนมาตลอด สุดท้ายก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้เกือบทุกจังหวัดในภาคใต้ ไม่รู้ทำไม ระบบสืบทอดทำให้คุณภาพคนลดลง ไม่เปิดการแข่งขัน ทั้งที่การแข่งขันมีความสำคัญในการเมือง กระตุ้นให้คนตื่น วันนี้อารมณ์ความรู้สึกของคนใต้ก็เลยเปลี่ยนไป เป็นเรื่องที่เราสัมผัสได้อย่างจริงจัง ทำให้เสริมกระแสค่านิยมระดับความสนใจการเมือง การอยากเห็นการเมืองสร้างตัวนำการเปลี่ยนแปลงชีวิตให้ดีขึ้น ทั้งประเด็นปากท้องและประชาธิปไตย จังหวะนี้มันจึงใช่ในแง่ความพร้อม”

ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสการชะลอโครงการนิคมอุตสาหกรรมจะนะ จังหวัดสงขลา นายกรณ์เห็นว่า “การพัฒนาสร้างโอกาส ต้องมี เพราะที่ผ่านมามันยังไม่มีโอกาสสำหรับคนใต้ให้มีงานทำมากนักในภาคใต้ คนใต้ต้องไปทำงานมาบตาพุด ระยอง อย่างไรก็ตาม การขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงไม่ให้ชาวบ้านมีส่วนร่วมมันขาดความเป็นประชาธิปไตย จนเกิดความขัดแย้งคลุมเครือ นักการเมืองก็กว้านซื้อที่ ทำให้ขาดความไว้วางใจซึ่งกันและกัน ศอ.บต.ก็ควรได้รับการทบทวนว่ามันมีวิธีการอื่นที่เป็นประชาธิปไตยมากกว่านี้มั้ย ให้ชาวบ้านคลายความกังวล มีระบบของการที่จะเยียวยาผลข้างเคียงจากโครงการ ทุกเรื่องทุกนโยบายย่อมมีผลข้างเคียง”

สราวุฒิ สุวรรณรัตน์ เลขานุการคณะทำงานภาคใต้ พรรคกล้า

นายสราวุฒิ เสริมว่า “การพัฒนาเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ต้องมีการมีส่วนร่วม เราไม่อยากให้เห็นลูกหลานชาวใต้ไปอยู่ระยองหรือที่อื่น ที่ผ่านมาเมกะโปรเจคต์ไม่เกิดขึ้นเลยในภาคใต้ สงขลาจะเป็นโมเดลแรกที่ทำออกมาได้ดี ผมเป็นห่วงเรื่องการใช้ความรุนแรง มันควรได้นั่งพูดคุยเยียวยากัน มีส่วนร่วม แสดงความเห็น หาทางออก หลายจังหวัดในภาคใต้โดนทิ้งร้างมาตลอด เรื่องของเศรษฐกิจต้องเกิดจากคนที่สามารถทำได้จริง รู้จริง ประเทศนี้จำเป็นต้องมีผู้นำที่มีความสามารถทางเศรษฐกิจ เพื่อดึงเม็ดเงินจากต่างประเทศ ไม่งั้นเราจะกินกันเอง สุดท้ายนายทุนจะได้เปรียบและชนะ”

เลขานุการคณะทำงานภาคใต้ แสดงจุดยืนของพรรคกล้าเพิ่มเติมว่า “เราไม่ได้มองเรื่องสลิ่มอะไรเลย เรามองข้ามความขัดแย้งในอดีต อย่างน้อยเราขอเป็นหนึ่งเสียงที่มากำหนดทิศทาง พรรคกล้าเกิดขึ้นเพราะมองว่าเราอยากก้าวข้ามเรื่องเหล่านี้ สิ่งที่เรามาก็เพื่อทำให้คนแก่เกษียณอย่างมีความสุข คนทำงานทำงานอย่างมีความสุข น้องมีงานทำได้อย่างดี และเราชัดเจนว่ายังไงเราเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์เหมือนเดิม เราอยู่บนแผ่นดินนี้ได้เพราะตระกูลนี้ก่อตั้งขึ้นมา”

ส่วนกระแสความนิยมของพรรค นายสราวุฒิ กล่าวว่า “ประเมินว่าอยู่อันดับ 4 แต่ต่อจากนี้เราจะได้รับกำลังใจและแรงสนับสนุนจากพี่น้องประชาชนเพิ่มขึ้นอีก บวกกับการทำงานที่ไม่โปร่งใสของร้ฐบาล นโยบายพลาดและแย่ที่มีให้เห็นอยู่เสมอ”

“กรุงเทพมหานครและภาคใต้จะเป็นเขตเลือกตั้งเป้าหมายหลัก เราปฏิเสธไม่ได้ว่าคะแนนเรามาจากพื้นที่ภาคกลางที่อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดี ภาพคุณกรณ์ติดตาประชาชนทุกจังหวัด ไปไหนก็ไม่ได้รับการปฏิเสธเลย ตลอดจนการคัดเลือกผู้สมัคร เราจะดูที่ดีเอ็นเอ ความตั้งใจมีแค่ไหน ไม่ดูแบกกราวนด์ มีวิสัยทัศน์แนวทางเดินเดียวกันหรือไม่ คุณต้องเป็นตัวแทนของพรรคกล้าในเขตพื้นที่นั้นได้ด้วย” เลขานุการคณะทำงานภาคใต้ พรรคกล้า กล่าว

เรื่อง: ณัฐนนท์ เจริญชัย

Related Posts

Send this to a friend