“เปิดเกมเจ้าหลอกลิง” จุดเทียนเวียนวนทำแท้งสูตร 500 กลับมาใช้สูตร 100

“เปิดเกมเจ้าหลอกลิง” จุดเทียนเวียนวนทำแท้งสูตร 500 กลับมาใช้สูตร 100 ‘สิริพรรณ’ ชี้มาจากความขัดแย้งภายในพรรคพลังประชารัฐ และ 4 ป. ดึงพรรคเล็กให้กลับบ้าน เตรียมจับตาที่ประชุมรัฐสภา 10 ส.ค. “องค์ประชุมไม่ครบ”
ก่อนการประชุมรัฐสภาเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ในวันที่ 10 สิงหาคม 2565 The Reporters ได้พูดคุยกับ รศ.ดร.สิริพรรณ นกสวน สวัสดี อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วิเคราะห์ความเป็นไปได้ ที่ สูตรหาร 500 จะถูกทำแท้ง ไม่สามารถผ่านความเห็นชอบในวาระที่ 3 เพราะสภาฯจะล่ม เนื่องจากองค์ประชุมไม่ครบ
ซึ่งเป็นไปตามรายงานข่าวว่าจะมี ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ลาประชุม เพราะต้องไปร่วมงานวันกำนันผู้ใหญ่บ้านหลายคน ขณะที่พรรคเพื่อไทยก็ประกาศไปก่อนหน้านี้แล้วว่าจะไม่ขอเป็นองค์ประชุมเพื่อยับยั้งการอำนาจเผด็จการผ่านรัฐสภา โดยนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ก็ยอมรับเองว่า รัฐสภาจะประชุมไปตามอำนาจหน้าที่ ส่วนสมาชิกจะทำอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับสมาชิกที่พอจะมองเห็นเจตนากันอยู่แล้ว
“ทำไมสูตรเลือกตั้ง ส.ส. จุดเทียนเวียนวน จาก 100 มา 500 และจะกลับมา 100 ก็เป็นไปตามรายงานข่าวที่บอกว่า มีการขอให้สมาชิกสสภาฯมาเซ็นต์ชื่อแล้วกลับบ้าน เหมือนจะมีเจตนารมณ์ที่ชัดเจนที่จะคว่ำสูตรหาร 500 หรือพูดง่ายๆว่าไม่ให้เกิดการพิจารณา เพื่อให้แท้งกฏหมายนี้ไปก่อน”
รศ.ดร.สิริพรรณ มองว่า หากรัฐสภาไม่สามารถผ่านกฏหมายเลือกตั้ง ส.ส.ให้แล้วเสร็จการกำหนดเวลา 180 วัน ก็จะส่งผลให้ต้องใช้ร่างกฏหมายที่เสนอโดย กกต.ผ่าน ครม. ซึ่งเป็นสูตรหาร 100 ที่เดิมก็ผ่านความเห็นชอบในวาระที่ 1 มาแล้ว แต่มาเปลี่ยนในวาระที่ 2 เป็นหาร 500 ตามการแปรญัตติของ นพ.ระวี มาศฉมาดล หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ จนผ่านความเห็นชอบของเสียงข้างมากในวาระที่ 2 ที่เกิดขึ้นในช่วงการต่อรองอำนาจทางการเมืองก่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจ
“ดังนั้น จึงเหมือนจะเป็นกึ่งทางตัน เป็นการเสียศักดิ์ศรีของรัฐสภาที่ไม่สามารถทำให้ พ.ร.ป. เลือกตั้ง ส.ส.คลอดออกมาได้ และประชาชนตั้งคำถามว่าทำหน้าที่ได้สมบูรณ์หรือยัง แต่มาถึงจุดนี้ก็ดูเหมือนรัฐสภาก็ไม่ได้สนใจแล้ว”
รศ.ดร.สิริพรรณ เห็นว่า การจุดเทียนเวียนวนจากสูตร 100 มา 500 และกลับ 100 คิดว่ามาจากโจทย์ใหญ่เป็นของพรรคพลังประชารัฐ ที่เปลี่ยนเป้าหมายทางการเมือง ในสภาวะที่เงื่อนไขบริบททางการเมืองเปลี่ยนไป เนื่องจากพรรคพลังประชารัฐมองว่าตนเองเป็นพรรคใหญ่ ก่อนที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า จะย้ายออกไป และต้องการจำกัดพรรคเล็ก 1 ที่นั่ง ที่ต้องเลี้ยงดูปูเสื่อทุกเดือนหรือแจกกล้วยทุกเดือนออกไป และมองว่าพรรคก้าวไกลเป็นภัยคุกคาม
ต่อมาการพลิกกลับสนับสนุนสูตร 500 เกิดขึ้นในสภาวะโกลาหลทางการเมือง จะเห็นว่า พลังประชารัฐพลิกด้วย ในขณะที่พรรคเพื่อไทยยังเหมือนเดิม แต่เป็นจังหวะที่พรรค 1 ที่นั่งมีโอกาสต่อรองทางการเมืองสูงที่สุดคือช่วงก่อนอภิปรายไม่ไว้วางใจ และยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย หาเสียงด้วยนโยบายแลนด์สไลด์ ก็สร้างความหวาดกลัวกับพรรคพลังประชารัฐ และ ส.ว. ทำให้การพลักกลับมาเป็น 500 จึงต้องทำแบบฉุกละหุก และโกลาหล จนได้ยินเสียงกระซิบมาจากคณะรัฐมนตรี ด้วย จริง ๆ หากจะผ่านวาระที่ 3 ไปได้ ก็สามารถรอ กกต. ให้ความเห็นกลับมาได้แล้วค่อยคว่ำในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา แต่มาถึง ณ วันนี้ สัญญาณเหมือนจะคว่ำสูตรหาร 500 ด้วยกระบวนการจากสองพรรคใหญ่ที่ทำให้ไม่ครบองค์ประชุม จะเสียงดังกว่า
“โจทย์ของพลังประชารัฐเป็นความขัดแย้งภายในพรรคเอง รวมถึง 4 ป. ที่ต้องการสกัดพรรคเล็กที่จะสนับสนุน พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี เขาไม่อยากให้พรรคเล็กกลับขึ้นมามีอำนาจต่อรอง ดังนั้น พรรคพลังประชารัฐและพรรคเล็กจึงไม่ได้มองเป้าหมายทางการเมืองบนระนาบเดียวกันแต่ในทางกลับกัน อาจต่อรองกับพรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกลได้มากกว่า”
รศ.ดร.สิริพรรณ มองด้วยว่า พรรคเล็กอย่างพรรครวมไทยสร้างชาติและพรรคเทิดไทที่สร้างขึ้นมาใหม่ พร้อมสนับสนุนสูตรหาร 500 และเป็นพรรคสนับสนุน พลเอก ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี ในกรณีที่พรรคพลังประชารัฐไม่สนับสนุนพลเอก ประยุทธ์ อีกต่อไป แต่อย่างไรก็ตาม ก็ยากเช่นเดียวกัน เพราะหากพรรครวมไทยสร้างการจะได้เสนอชื่อ พลเอกประยุทธ์ เป็นว่าที่นายกรัฐมนตรีก็ต้องมี ส.ส.อย่างน้อย 25 ที่นั่งหรือ 5% หรือไม่
“เรื่องนี้อาจไม่ใช่ความขัดแย้งระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลและพรรคร่วมฝ่ายค้าน แต่เป็นความขัดแย้งภายในพรรคพลังประชารัฐเอง โดยเฉพาะความเห็นที่ไม่ลงรอยระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร ซึ่งการไม่ร่วมประชุมและมีเสียงกระซิบให้กลับบ้าน เหมือนภาพที่ชัดขึ้น ไม่ใช่แค่เงาอีกต่อไปแล้ว ว่ามีความเห็นไม่ตรงกันที่ พล.อ.ประยุทธ์ต้องการสูตรหาร 500 พรรคเล็กตั้งขึ้นเพื่อเป็นตาข่ายรองรับ ว่าหาก พล.อ.ประวิตร ไม่เสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ พล.อ.ประวิตร ต้องการสกัดพรรคเล็กที่จะเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ หรือสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี จะเห็นได้ว่าความขัดแย้งตรงนี้มันแหลมคมมาก ซึ่ง เป็นความขัดแย้ง ระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ พล.อ.ประวิตร พล.อ.อนุพงษ์ และ ป.ที่ 4 ที่มีการพูดถึง ว่าเป็น พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ นั้น และ พล.อ. ประวิตร อาจอยากส่งสัญญาณให้ทุกคนกลับบ้าน ภาพที่ชัดขึ้นจนไม่ใช่แค่เงาอีกต่อไปแล้ว”
รศ.ดร.สิริพรรณ กล่าวถึงท่าทีของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ที่มีความเห็นไม่ตรงกันด้วยนั้น ก็เป็นเกมช่วงชิงอำนาจ ที่เคยมีผลประโยชน์ในตะกร้าเดียวกัน แต่เมื่อมีผลประโยชน์ต่างกันก็อาจเกิดการขัดแย้งทางการเมืองขึ้นได้ ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่จะเปิดทางให้มีการเจรจาประนีประนอมกันได้ ในกรณีนี้คือพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชาติสนับสนุนสูตรหาร 100 ก็เน้น ส.ส. เขต แต่ในทางกลับกันพรรคเสรีรวมไทยและพรรคก้าวไกลก็จะเสียประโยชน์ไปกว่า 50%
“ชัดเจนว่าเพื่อไทยได้เปรียบที่สุด ถ้าเป็นสูตร 500 จากทั้ง ส.ส. เขต และ ส.ส. บัญชีรายชื่อ ส่วนความเป็นไปได้ที่จะแลนด์สไลด์หรือเกินครึ่งคือ 250 ที่นั่งในสภาฯ ก็ยังยากอยู่ ส่วนก้าวไกลและเสรีรวมไทยน่าจะเสียเปรียบ คือได้ความนิยมในวงกว้างแต่ไม่อาจชนะ ส.ส. เขตได้มาก”
เช่นกันกับฝั่งพรรคร่วมรัฐบาลอย่างพรรคภูมิใจไทยที่จะเสียประโยชน์ ส.ส. เขตจากสูตรหาร 500 ที่เริ่มมีการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เขตในบางจังหวัดแล้ว แต่อย่างพรรคประชาธิปัตย์ก็มีความไม่ลงรอยในพรรคสูง มีความเห็นแย้งไม่ลงตัว พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคที่ประเมินได้ยากว่าสูตรไหนได้ประโยชน์
‘พลังประชารัฐและภูมิใจไทยก็ได้ประโยชน์จากสูตรหาร 100 เช่นกัน โดยเฉพาะการลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนช่วงโควิด-19 และการทำงานของพรรคบ้านใหญ่ในพื้นที่ แต่ผลงานของรัฐบาลต่อการหาเสียงของพรรคก็เป็นตัวแปรเช่นกัน ประกอบกับที่ กกต. ให้คนละเบอร์นั้นก็ทำให้การหาเสียงก็เป็นไปได้ยาก ในแง่นี้พรรคใหญ่เสียงเปรียบลงมานิดนึง เป็นความจงใจสกัดความเป็นสถาบันและความเข้มแข็งของพรรค”
สำหรับแนวทางที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 10 ส.ค.หากองค์ประชุมล่ม ต้องปิดประชุมรัฐสภา ก็จะทำให้การพิจารณากกหมายไม่ทันภายใน 180 วัน ก็ต้องนำร่างฉบับแรกที่เสนอโดยครม.ผ่านการเสนอของ กกต. มาใช้โดยอัตโนมัติ ซึ่งเป็นสูตรหาร 100 แต่ในกรณีที่พรรคเล็กไม่พอใจมติ เพราะเป็นการกลับมติของรัฐสภาที่เห็นชอบกับสูตรหาร 500 ก็ในช่วงเวลา 5 วันก่อนที่นายกรัฐมนตรีนำขึ้นทูลเกล้าฯ นั้น พรรคเล็กหรือคนที่ไม่เห็นชอบสามารถยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยได้
“แต่นี่จะเป็นบทเรียนของพรรคเล็กว่า เมื่อคุณมีอำนาจต่อรองก่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่พอจบแล้ว เป็นเกมที่ลิงกินกล้วย แล้วลิงถูกเจ้าของสวนหลอก” รศ.ดร.สิริพรรณ กล่าวย้ำ
ขณะที่นพ.ระวี มาศฉมาดล หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ ที่เสนอสูตรหาร 500 เปิดเผยกับ The Reporters ยืนยันว่าจะพยายามให้สมาชิกรัฐสภา เข้าร่วมประชุมให้ครบองค์ประชุม และพิจารณากฏหมายจนผ่านวาระที่ 3 แต่หากสภาฯล่ม สูตรหาร 500 ถูกทำแท้งจริง ตนเองก็จะรวบรวมสมาชิกให้ได้ 1 ใน 100 ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญตีความอย่างแน่นอน
ส่วนการประชุมรัฐสภาวันพรุ่งนี้มีขึ้นในเวลา 09.30 น. นายชินวรณ์ บุญยเกียรติ รองประธานวิปรัฐบาล เปิดเผยว่า ในวาระที่ 3.1 จะมีการพิจารณากฏหมายอำนวยความยุติธรรมที่ค้างอยู่ ก่อนจะพิจารณากฏหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ในวาระที่ 3.2 ซึ่งก็ต้องมีการนับองค์ประชุมทุกครั้ง ก็หวังว่ารัฐสภาจะสามารถประชุมได้ ก็ต้องว่าไปตามรัฐธรรมนูญ และข้อบังคับของรัฐสภา
ชมสัมภาษณ์จากคลิป :