กมธ. การทหาร สว. จี้ นายกฯ แจงข้อเท็จจริงต่อข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา
กมธ. การทหาร สว. จี้ นายกฯ แจงข้อเท็จจริงต่อข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา เตรียมซัก 3 ประเด็น ชายแดน-ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้-ภัยไซเบอร์ รับ ยังไม่กำหนดวัน เหตุศาล รธน. สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ ก่อน จ่อประชุมวิปวุฒิฯ 9 ก.ค.นี้
วันนี้ (7 ก.ค. 68) ที่รัฐสภา นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล วุฒิสมาชิก ในฐานะเลขานุการและคณะกรรมาธิการการทหารและความมั่นคงของรัฐ พร้อมคณะ ร่วมแถลงกรณีเชิญนายกฯ มาแถลงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสถานการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติ กรณีปัญหาพื้นที่ชายแดนประเทศไทย ว่า คณะกรรมาธิการทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภามีมติในการประชุมที่จะเชิญนายกรัฐมนตรีมาแถลงข้อเท็จจริง และคณะกรรมาธิการทหารฯ เองได้รับทราบข้อมูลและข้อเท็จจริงต่าง ๆ ตามที่ปรากฏและมีการเผยแพร่ต่อสาธารณะในกรณีข้อพิพาทชายแดนไทยที่อาจส่งผลกระทบต่อการปกป้องอธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดน และผลประโยชน์ของประเทศไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ รวมถึงยังส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่และสภาพจิตใจของประชาชน อีกทั้งฝ่ายกัมพูชาได้ดำเนินการทุกวิถีทางอันไร้ความจริงใจ และความพยายามเพื่อให้ได้เปรียบประเทศไทยอย่างดีที่สุด
นายไชยยงค์ กล่าวอีกว่า คณะกรรมาธิการจึงเห็นว่ามีความจำเป็นและเหตุในการเรียกนายกรัฐมนตรีมาแถลงข้อเท็จจริงหรือแสดงความเห็นด้วยตัวเอง พร้อมเอกสารประกอบการพิจารณาเพื่อชี้แจงแถลงข้อเท็จจริง กรณีปัญหาทางทหารและความมั่นคงบริเวณชายแดนของประเทศไทย ภายใต้กรอบบทบาทหน้าที่และอำนาจของวุฒิสภา และคณะกรรมาธิการตามที่รัฐธรรมนูญและกฎหมายบัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติอำนาจเรียกของกรรมาธิการสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา พ.ศ. 2568 โดยกรรมาธิการฯ จะมีประเด็นข้อซักถามนายกรัฐมนตรีทั้งหมด 3 ประเด็น ดังนี้
1.จุดยืนและแนวปฏิบัติกรณีข้อพิพาทบริเวณพื้นที่ชายแดนประเทศไทย-กัมพูชา จำนวน 12 ข้อย่อย เช่น จุดยืนต่อ MOU 2543 และ MOU 2544 หรือการละเมิด MOU อย่างต่อเนื่องจากฝ่ายกัมพูชา
2.สถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน 5 ข้อย่อย เช่น การแก้ไขหรือปรับปรุงกฎหมายเพื่อส่งเสริมให้การปฏิบัติการในพื้นที่มีประสิทธิภาพ มีความยุติธรรม และคุ้มครองการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ หรือการปกป้องและดูแลประชาชนคนไทยทุกกลุ่มในพื้นที่ โดยเฉพาะชาวไทยพุทธที่ยังอยู่ในพื้นที่
3.เรื่องความปลอดภัยทางไซเบอร์และการต่อต้านการฟอกเงิน จำนวน 2 ข้อย่อย เช่น การขจัดธุรกรรมผิดกฎหมายหรือที่ต้องสงสัยเพื่อป้องกันหรือปราบปราม และช่วยเหลือคนไทยให้ปลอดภัยจากการฉ้อโกงออนไลน์และการฟอกเงินที่เชื่อมโยงกับกลุ่มทุนต่างชาติด้วยระบบ AI และ Machine Learning อย่างเต็มรูปแบบ
ทั้งนี้ นายไชยยงค์ยังกล่าวอีกว่า ปัญหาไทยกับกัมพูชาไม่ได้มีแค่เรื่องชายแดนและความมั่นคง และไม่ใช่เรื่องอธิปไตยอย่างเดียว แต่สถานการณ์ที่เกิดใหม่จากการปิดแนวชายแดนหรือการใช้มาตรการในการปกป้องดินแดนก็ดีทำให้เกิดปัญหาใหม่เกิดขึ้น เช่น วันนี้มีกระบวนการกองทัพมดนำสินค้าหนีภาษีของทั้งสองฝั่งข้ามไปมาเพื่อค้าขายระหว่างแนวชายแดน และเกิดช่องทางการหลบหนีเข้าเมือง ซึ่งเป็นช่องทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นจำนวนมากในพื้นที่จากการปิดด่านพรมแดนซึ่งเป็นปัญหาใหม่ที่เกิดขึ้น รัฐบาลก็ยังไม่ได้ออกมาชี้แจงให้ชัดเจนว่าจะแก้ปัญหาเหล่านี้อย่างไร
นอกจากนี้ นายไชยยงค์กล่าวอีกว่า การเชิญนายกรัฐมนตรีเดิมกำหนดไว้วันที่ 16 ก.ค. 68 แต่สถานการณ์การเมืองเปลี่ยนทำให้วันที่ 9 ก.ค. 68 นี้ จะมีการประชุมเพื่อกำหนดวันเชิญมาชี้แจงใหม่อีกครั้ง โดยไม่จำเป็นต้องรอให้มีคำวินิจฉัยจากศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งต้องการเชิญนายกรัฐมนตรี หรือรักษาการนายกรัฐมนตรี หรือจะมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงข้อเท็จจริงแทนก็ได้
ส่วนการชะลอยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจตามมาตรา 153 นั้น เพราะการเมืองมีการเปลี่ยนแปลงมีการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ทำให้ต้องรอให้ผ่านระยะเวลาไปอีกช่วงหนึ่งก่อน












