‘สีหศักดิ์’ ซัดกัมพูชาลอบวางทุ่นระเบิดใหม่ จี้ใช้กลไก UN สอบข้อเท็จจริง
นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงภาพรวมการเข้าร่วมประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล หรือ อนุสัญญาออตตาวา ครั้งที่ 22 (22MSP) ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส ว่า การเดินทางไปกล่าวถ้อยแถลงด้วยตนเอง เพื่อตอกย้ำความสำคัญกรณีทหารไทยได้รับบาดเจ็บจากทุ่นระเบิดที่มีการฝังใหม่ ซึ่งคำชี้แจงของฝ่ายกัมพูชาที่อ้างว่าเป็นทุ่นระเบิดเดิมนั้นฟังไม่ขึ้นและบ่ายเบี่ยงมาโดยตลอด ไทยจึงจำเป็นต้องดำเนินการตามบทบัญญัติของอนุสัญญาฯ
นายสีหศักดิ์ กล่าวว่า ไทยได้นำเสนอหลักฐานเชิงประจักษ์ต่อที่ประชุม แม้ฝ่ายกัมพูชาจะพยายามประท้วงรูปแบบการนำเสนอ โดยให้ นางสาวอุศณา พีรานนท์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครเจนีวา ชี้แจงพร้อมแสดงหลักฐานประกอบ ได้แก่ วิดีโอการใช้ทุ่นระเบิด PMN-2 ซึ่งกู้คืนได้จากกล้องโทรศัพท์ของทหารกัมพูชา และเอกสารยืนยันจากคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน (AOT) เพื่อยืนยันว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่ ซึ่งประธานที่ประชุมอนุญาตให้ดำเนินการได้ ถือเป็นการดำเนินงานเชิงรุกของไทย
“ทุกครั้งกัมพูชาจะบอกว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่ใหญ่กว่า เหมือนเขาถูกกลั่นแกล้ง แต่ถามจริงๆ ทหารประเทศเขาเคยเหยียบกับระเบิดหรือไม่ ไม่เคย เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่ประเทศไทยที่ใหญ่กว่าจะมากลั่นแกล้งอะไร เขาพูดว่าเขามุ่งมั่นที่อยากจะมีสันติภาพ ก็ต้องมีด้วยการกระทำ” นายสีหศักดิ์ กล่าว
สำหรับการดำเนินการขั้นต่อไป ไทยเรียกร้องให้ใช้กลไกตามบทบัญญัติข้อ 8 ของอนุสัญญาออตตาวา โดยขอให้เลขาธิการสหประชาชาติ หรือผู้แทน ประสานจัดตั้งคณะตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เป็นอิสระและมีความเชี่ยวชาญ เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ชัดเจนและเป็นธรรม ทั้งนี้ แม้กัมพูชาจะเสนอให้ตั้งคณะตรวจสอบร่วมกัน แต่ฝ่ายไทยยังกังวลถึงเจตนาที่อาจเป็นการซื้อเวลา อย่างไรก็ตาม จะพิจารณาข้อเสนอดังกล่าวว่าสามารถดำเนินการร่วมกันได้หรือไม่
นายสีหศักดิ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ไทยได้แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของปัญหานี้อย่างเต็มที่ แต่กัมพูชายังไม่แสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้ง 7 ครั้ง ซึ่งไทยจะเดินหน้าผลักดันกระบวนการตรวจสอบภายใต้กรอบกติการะหว่างประเทศต่อไป












