POLITICS

‘ก้าวไกล-เป็นธรรม’ ขอรัฐบาลแก้ปัญหาชายแดนไทยเมียนมา หลังพบกลุ่มติดอาวุธรุกล้ำอธิปไตย

สร้างความหวาดกลัวให้ประชาชน เสนอเปิดระเบียงมนุษยธรรม ชิงโอกาสเป็นผู้นำรวมกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน หาทางออกความรุนแรงแนวชายแดน

วันนี้ (6 ก.ย. 66) ที่อาคารรัฐสภา นายมานพ คีรีภูวดล สส.พรรคก้าวไกล พร้อมด้วย นายกัณวีร์ สืบแสง สส. พรรคเป็นธรรม และคณะ แถลงข่าวกรณีการสู้รบชายแดนไทย-เมียนมา ที่มีผลกระทบต่อประชาชนในประเทศไทย หลังมีรายงานข่าวว่าเมื่อวันที่ 3 กันยายนที่ผ่านมา มีประชาชนในพื้นที่พบกองกำลังติดอาวุธครบมือ เข้ามาในเขตแดนของประเทศไทย ที่บ้านเลตองคุ และบ้านมอตะลัว อ.อุ้มผาง จ.ตาก

นายมานพ กล่าวว่า ประชาชนในแนวชายแดนต้องอยู่ในภาวะหวาดระแวงจากเหตุสู้รบมานานหลายปี ได้ยินเสียงระเบิด เจ้าหน้าที่รัฐในพื้นที่ต้องดูแลผู้หนีภัยการสู้รบ จนเมื่อปีที่แล้วมีอากาศยานได้รุกล้ำอธิปไตยเข้ามาในแนวเขตประเทศไทย ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่มาก และในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาประชาชนที่อยู่ในเขตชายแดนมีการรายงานว่ามีการสู้รบและมีกำลังจากต่างประเทศเข้ามาในเขตประเทศไทยอีกครั้ง ทำให้มีความหวาดกลัวว่าในเขตชายแดนมีกำลังจากต่างประเทศเข้ามาได้อย่างไร

นายมานพ กล่าวว่า ตนไม่อยากให้มีเหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้น จึงอยากเรียกร้องไปยังหน่วยงานความมั่นคงและรัฐบาล โดยเฉพาะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่าจะทำอย่างไรไม่ให้ประชาชนตลอดแนวชายแดน มีความหวาดกลัวและต้องไม่ประสบปัญหาแบบนี้อีกต่อไป และเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการสู้รบแล้วกระทบต่อแนวชายแดน จึงอยากเรียกร้องให้รัฐบาลเปิดพื้นที่ให้เกิดสันติภาพ เป็นโซ่ข้อกลางของความขัดแย้ง ในฐานะประเทศเพื่อนบ้าน มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะเป็นตัวกลางนำไปสู่สันติภาพไม่ให้เกิดการสู้รบ

ด้าน นายกัณวีร์ สืบแสง สส.พรรคเป็นธรรม กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน และเป็นความท้าท้ายสำหรับรัฐบาลชุดใหม่ โดยเสนอให้จัดพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ชายแดนปลอดภัย, ระเบียงมนุษยธรรม (Safety Zone) ระยะ 5 กม. จากเขตชายแดนให้เป็นเขตปลอดการสู้รบ ไม่มีปฏิบัติการทางการทหารทั้งภาคพื้นดินและทางอากาศ และมีการดูแลผู้ลี้ภัยโดยต้องคำนึงถึงด้านมนุษยธรรม โดยให้สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานใช้การเจรจาผ่านกรอบความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างประเทศไทย – เมียนมา ลดการสู้รบตามแนวตะเข็บชายแดน เพื่อลดผลกระทบต่อประชาชนไทย

ผู้สื่อข่าวถามว่าประเด็นระเบียงมนุษยธรรม ควรผลักดันผ่านกลใดของรัฐบาล นายกัณวีร์ ระบุว่า ประเด็นนี้ต้องนำเรียนผ่านสำนักนายกรัฐมนตรีโดยท่านนายกรัฐมนตรีใช้กลไกสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อนและต้องร่วมมือกับหลายกระทรวง เช่น กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงกลาโหม และกระทรวงมหาดไทย นายกรัฐมนตรีต้องใช้กลไกสภาความมั่นคงให้เป็นประโยชน์ เพราะทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ต้องมีบทบาทไปพูดคุยกับผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมา และคุยกรอบอาเซียนต่างๆด้วย กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงกลาโหมก็จำเป็นต้องให้ความร่วมมือ ดังนั้นนายกรัฐมนตรีต้องให้ความใส่ใจเร่งนำไปพูดคุยในสภาความมั่นคงแห่งชาติ

“คุณเศรษฐาต้องใช้กลไกทั้งทวิภาคีและพหุภาคี อาจจะไม่ใช้แค่อาเซียนอย่างเดียว แต่คิดริเริ่มสร้างสรรค์ที่จะเสนอว่าประเทศไทยจะใช้โอกาสนี้เป็นผู้นำในการพูดคุยกับประเทศเพื่อนบ้านของประเทศเมียนมา ทั้งประเทศอินเดีย บังคลาเทศ จีน ลาว และไทย ซึ่งเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความรุนแรงในประเทศเมียนมา อาจเป็นการพูดคุย รวมกลุ่มเพื่อจะควบคุมสถานการณ์ในประเทศเมียนมาให้อยู่ภายในประเทศเมียนมาให้ได้ ประเทศไทยควรใช้จังหวะนี้ให้เป็นโอกาส เร่งผลักดันสร้างกลุ่มพูดคุยกับประเทศเมียนมาให้ได้” นายกัณวีร์ กล่าว

Related Posts

Send this to a friend