POLITICS

‘ปกรณ์วุฒิ’ เปิดใจ ไม่กดดัน นั่งเก้าอี้ประธานวิป ให้ฝ่ายค้าน 9 คะแนน มีเวลาศึกษางบฯ น้อย

ชม ‘ก้าวไกล’ 67 ดีกว่า ‘อนาคตใหม่’ 62 เชื่อ ‘ประชาธิปัตย์’ พร้อมจับมือทำงาน – ม.112 ไม่ใช่จุดแตกหัก คาด สส.รัฐบาลพลิกโหวตได้ หลังหลายนโยบาย ‘เพื่อไทย’ คล้ายกัน

วันนี้ (5 ม.ค. 67) เวลา 17:20 น. นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน หรือวิปฝ่ายค้าน ให้สัมภาษณ์กับ The Reporters ณ อาคารรัฐสภา ก่อนที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 5 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) เป็นพิเศษ เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 จะลงมติขั้นรับหลักการในวาระที่ 1

นายปกรณ์วุฒิ ให้คะแนนการอภิปรายของฝ่ายค้าน 9 คะแนน เพราะเวลาศึกษาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 นั้นน้อยเกินไป หากมีเวลาอีกสักสัปดาห์หนึ่ง ก็จะได้ศึกษามากขึ้น ทั้งนี้ ที่ประชุมวิปฝ่ายค้าน มีมติไม่เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 แล้ว แม้ที่ผ่านมาจะไม่มีวาระใดที่พรรคร่วมฝ่ายค้านจะเห็นตรงกันได้ 100% เช่น อาจมีคำถามต่อจุดยืนพรรคเล็ก แต่ครั้งนี้ก็แบ่งสัดส่วนเวลาของฝ่ายค้านให้อภิปราย ถือเป็นคำยืนยันกับพรรคเล็กด้วย และทุกพรรคฝ่ายค้านก็ยืนยันลงมติวิปฝ่ายค้าน คือ พรรคก้าวไกล พรรคประขาธิปัตย์ พรรคไทยสร้างไทย พรรคใหม่ พรรคครูไทยเพื่อประชาชน และพรรคเป็นธรรม ส่วนพรรคที่เหลือนั้นยังไม่ได้รับคำตอบ เช่น นายสุรทิน พิจารณ์ สส. บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาธิปไตยใหม่ อย่างไรก็คงทราบคำตอบวันนี้ ซึ่งจะกำหนดอนาคตด้วย

ส่วนการทำงานของพรรคร่วมฝ่ายค้านนั้น นายปกรณ์วุฒิ เปิดเผยว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านทำงานกันมาตั้งแต่ยังไม่มีผู้นำฝ่ายค้าน โดยมีการประชุมวิปอย่างไม่เป็นทางการ ซึ่งมีความราบรื่น และทุกพรรคมีความชัดเจนมาตลอด กระทั่งมีการโปรดเกล้าฯ ผู้นำฝ่ายค้านฯ จึงมีการประชุมวิปฝ่ายค้านอย่างเป็นทางการครั้งแรกเมื่อวันที่ 2 มกราคม 2567

แม้มีการตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับทิศทางของพรรคประชาธิปัตย์ต่อจากนี้ว่า โดยเฉพาะจะเข้าร่วมรัฐบาลหรือไม่นั้น นายปกรณ์วุฒิ ยืนยันว่า เพื่อนสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ที่อยู่ในวิป ก็ชี้แจงว่า พร้อมทำงานฝ่ายค้าน ท่าทีที่ผ่านมาก็ราบรื่นดี ไม่มีปัญหา แม้แต่ละพรรคจะมีความแตกต่างอยู่ ทั้งสไตล์และอุดมการณ์ของตัวเอง แต่ทุกพรรคยึดถือหลักเดียวกันคือ การตรวจสอบฝ่ายบริหาร ทั้งนี้ ส่วนตัวก็ไม่อยากให้ใครเปลี่ยนตัวเอง เพราะอาจมีประชาชนชอบสไตล์พรรคอื่นมากกว่าพรรคก้าวไกล บางคนอาจอยากสลับอารมณ์บ้าง ทุกพรรคจึงไม่จำเป็นต้องเหมือนกันทั้งหมด

ในส่วนของประเด็นวาระในวิปฝ่ายค้านนั้น นายปกรณ์วุฒิ มองว่า หากภาพรวมไม่ขัดกัน จะช่วยกันผลักดันในพรรคร่วมฝ่ายค้านได้ โดยเฉพาะญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ ซึ่งจะต้องพิจารณาว่า ในสมัยประชุมนี้มีข้อมูลที่หนักแน่นพอจะเปิดอภิปรายได้หรือไม่ เพราะใช้สิทธิได้เพียงปีละครั้ง จึงคงต้องเน้นคุณภาพ และคิดว่าพรรคร่วมก็เข้าใจตรงกัน ส่วนในระยะยาวอย่างจุดยืนเรื่องการแก้ไข ม.112 นั้น แต่ละพรรคเองก็มีความแตกต่าง อย่างในสมัยประชุมที่แล้ว พรรคร่วมฝ่ายค้าน มีการลงมติแตกต่างกัน ดังนั้น คงไม่ใช่จุดแตกหัก

นายปกรณ์วุฒิ ยังให้ความเห็นต่อสมการทางการเมืองในสภาฯ ว่า จากจำนวน สส. พรรคร่วมรัฐบาลนั้น รัฐบาลทำได้แน่นอน จะผ่านหรือปัดตกอะไรก็ได้ แต่ที่สำคัญคือต้องใช้ฉันทามติจากสังคม ซึ่งจะสะท้อนในการเลือกตั้งครั้งหน้าด้วย

นอกจากนี้ แม้ครั้งนี้ สส.ฝ่ายรัฐบาล จะมากกว่า สส.ฝ่ายค้านอยู่ 140 เสียง ถือว่ามากกว่าสมัยที่แล้วที่มากกว่าเพียง 70 เสียง แต่สมัยนี้ นายปกรณ์วุฒิ คาดว่าการพลิกเสียงในวาระใดวาระหนึ่งนั้นเป็นไปได้มากกว่าครั้งที่แล้ว เพราะต้องยอมรับว่า หลายนโยบายของพรรคเพื่อไทย มีความคล้ายคลึงกันกับนโยบายของพรรคก้าวไกล พรรคก้าวไกลต้องการแค่เสียงจากพรรคเพื่อไทยเพียงพรรคเดียวก็เพียงพอแล้ว จึงต้องติดตามว่า พรรคใดจะหันมาโหวตตามฝ่ายค้านมากกว่า แต่สำหรับการพลิกขั้วของ สส. อย่างสมัยประชุมที่แล้วนั้น เป็นเรื่องของอนาคตที่แต่ละพรรคจะเคลื่อนไหวอย่างไร

นายปกรณ์วุฒิ ยังเปิดเผยถึงการทำงานในฐานะประธานวิปฝ่ายค้านว่า ส่วนตัวพอจะมีประสบการณ์จากวิปครั้งที่แล้ว ไม่กดดัน ทำงานมาตามหน้าที่ แต่พอมี 6 พรรคการเมือง จึงต้องมีการพูดคุยเจรจาในบางวาระโอกาส เช่น เวลาอภิปราย พูดคุยตกลงกัน จึงขอแค่ตรงไปตรงมากัน

ส่วนกรณีที่มีการเปรียบเทียบผลงานการอภิปรายของ สส. หน้าใหม่ของพรรคก้าวไกล กับ สส. พรรคก้าวไกล สมัยที่แล้วนั้น นายปกรณ์วุฒิ มองว่า กว่าจะจัด สส. เจ้าของประเด็นหัวข้อได้ ก็ต้องใช้เวลาสักพักหนึ่ง คนมักจะเทียบก้าวไกลในปี 2567 กับปี 2566 ทั้งที่ต้องเปรียบกับพรรคอนาคตใหม่เมื่อปี 2562 ดังนั้น ภาพชัดจริง ๆ จึงต้องใช้เวลา แต่ส่วนตัวเห็นว่าตอนนี้ดีกว่าอนาคตใหม่ปี 2562 แล้ว

“…วันนี้เป็นจุดเริ่มต้นการทำงานจริง ๆ ของพรรคร่วมฝ่ายค้านในสภาฯ ชุดที่ 26 ในช่วง 3 วันนี้คงเห็นเราทำงานเต็มที่ในการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล ไม่ให้มีการทุจริต และใช้เงินงบประมาณโดยไม่มีประโยชน์ต่อประชาชน” ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าว

Related Posts

Send this to a friend