POLITICS

เศรษฐา ย้ำชัด ถ้าไม่ใช่นายกฯ ไม่ขอรับตำแหน่งบริหารอื่น

แต่ยังยินดีสนับสนุน เป็นที่ปรึกษา และสมาชิกพรรคเหมือนเดิม พร้อมน้อมรับรับคำชมจาก พล.อ. ประวิตร

วันนี้ (3 มี.ค. 66) ที่อาคารหอการค้าไทย-จีน นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนหลังเข้าหารือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับสมาคมไทย-จีน โดยมีการพูดคุยใน 4 ประเด็นหลัก ได้แก่ นโยบายด้านการคมนาคม ท่องเที่ยว เกษตร และสังคมผู้สูงอายุ โดยหอการค้าไทย-จีน ได้สอบถามถึงนโยบายด้านคมนาคม ซึ่งจะเชื่อมต่อกับรถไฟความเร็วสูงของจีนที่เชื่อมถึงลาวนั้น นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ได้เสนอข้อคิดเห็นว่า พรรคเพื่อไทยมีนโยบายพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษนำร่องใน 4 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพ เชียงใหม่ ขอนแก่น และหาดใหญ่ ซึ่งจะมีการพัฒนารถไฟเชื่อมใน 4 เขตเศรษฐกิจใหม่นี้ไปพร้อมกันด้วย สอดคล้องกับข้อคิดเห็นของ นายณรงค์ศักดิ์ พุทธพรมงคล ประธานกรรมการหอการค้าไทย-จีน ที่เสนอให้มีโครงการรถไฟความเร็วปานกลาง ซึ่งสามารถสร้างแล้วเสร็จเร็วกว่ารถไฟความเร็วสูง

นายเศรษฐา กล่าวว่า ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยกับจีนมีมาอย่างช้านาน และประเทศจีนก็เป็นคู่ค้าที่สำคัญของประเทศไทย การประชุมเมื่อสักครู่มีทั้งประเด็นการคมนาคมและการขนส่ง นายณรงค์ศักดิ์ พุทธพรมงคล ประธานหอการค้าไทย-จีน และคณะกรรมการหอการค้าไทย-จีน ก็ให้ข้อคิดไว้ว่าถ้าจะทำอะไร ก็ให้เริ่มทำสิ่งง่าย ๆ ก่อน

“ยกตัวอย่างเช่น ทำรถไฟจากขอนแก่นไปหนองคาย และหนองคายข้ามไปลาว อันนี้สามารถทำรถไฟความเร็วปานกลางสัก 100 ถึง 110 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็นรถไฟรางคู่ ซึ่งสามารถส่งสินค้าไปเมืองจีนได้ทันที ช่วยเรื่องการค้าขายได้อย่างดี” นายเศรษฐา กล่าว

นายเศรษฐา กล่าวเพิ่มเติมว่า นักท่องเที่ยวจีนก็เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่สำคัญ เพราะ เป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มหลักที่เข้ามาท่องเที่ยวที่ประเทศไทย แต่มักมีปัญหาเรื่องการทำวีซ่า ถ้าหากมีโอกาสได้ทำงาน ก็จะแก้ไขปัญหาส่วนนี้อย่างเต็มที่

ภายหลังการหารือ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างกัน นายณรงค์ศักดิ์ พุทธพรมงคล ประธานกรรมการหอการค้าไทย-จีน ให้สัมภาษณ์ว่า ตนเองสนับสนุนทุกพรรคการเมืองที่ทำให้ประเทศชาติมีความเจริญมากขึ้น ทุกรัฐบาลที่ผ่านมาหอการค้าไทย-จีน ได้ตอบสนองและสนับสนุนการทำงาน ซึ่งการหารือแลกเปลี่ยนในวันนี้ มี 5 แนวทางของพรรคเพื่อไทยที่น่าสนใจ ทั้งการค้าการลงทุน โลจิสติกส์ การเกษตร การท่องเที่ยว ฯลฯ ซึ่งถือว่าเป็นแนวทางที่ดีพอสมควร

ทั้งนี้ นายเศรษฐา ยังชี้แจงถึงกรณีที่เมื่อวานนี้ ให้สัมภาษณ์บางสื่อไปว่า รับตำแหน่งเดียว คือตำแหน่งนายกฯเท่านั้น โดยยอมรับว่าช่วยการตอบคำถามเมื่อวานนี้มีความสับสน เลยพูดออกไปแบบนั้น แต่ ณ วันนี้เป็นประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และต้องได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค เพื่อเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้ง ซึ่งพรรคเพื่อไทยชัดเจนจะส่งสามคนแน่นอน จากนั้นคณะกรรมการบริหารจะต้องไปคัดเลือก ว่าใครจะได้รับความไว้วางใจให้ดำรงตำแหน่งนี้

เศรษฐา กล่าวอีกว่า แต่ส่วนตัววันนี้มาทำงานช่วย แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย แต่หากไม่ใช่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรก็ไม่ขอรับ ซึ่งก็จะคอยช่วยอยู่เบื้องหลัง และเป็นประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยต่อไปได้ และขณะนี้ก็เป็นสมาชิกของพรรคเพื่อไทยอยู่ ที่จะให้คำแนะนำ รวมถึงเป็นที่ปรึกษาของทีมเศรษฐกิจ หรือสุดท้ายแล้วจะทำงานแต่ไม่มีตำแหน่งก็ทำได้ โดยไม่ได้บอกว่าจะต้องดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเท่านั้น และในฐานะคนไทยคนหนึ่งก็สามารถทำประโยชน์ให้บ้านเมือง แต่ถ้าหากต้องมีตำแหน่ง หรือจะไปขับเคลื่อนอะไรสำคัญจริงๆ ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เป็นตำแหน่งที่มีอำนาจ ก็จะทำได้จริงทุกนโยบาย

“ผมจะเป็นประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยก็ได้ เป็นที่ปรึกษาที่ไม่ต้องมีตำแหน่งอย่างเป็นทางการกับใครในพรรคเพื่อไทย ก็ยังทำงานต่อไปได้และผมก็ยังเป็นสมาชิกพรรคอยู่ ไม่อยากทำให้เข้าใจผิดว่าอยากมีอำนาจทางการเมือง จะกลับไปเป็นนายเศรษฐา ที่แสนสิริ ก็ไม่มีปัญหา” เศรษฐา กล่าว

เมื่อถามว่าการประกาศตัวแบบนี้เป็นการกดดันพรรคเพื่อไทยหรือไม่ เศรษฐา ยืนยันว่า ที่พูดมาทั้งหมดไม่ได้กดดันพรรคเพื่อไทย เพราะรู้จักกันมานาน รู้จักตัวตนกันเป็นอย่างดี เรื่องจะกดดันหรือจะไปอ้อมค้อมไม่มีแน่นอน เพราะไม่ใช่นิสัยของตน และผู้บริหารพรรคตั้งแต่ยุคเก่า ก็รู้ดีว่าตนนั้นเป็นคนอย่างไร ดังนั้น เรื่องนี้ไม่มีแน่ และยังย้ำว่าไม่ได้ถูกชวนมาทำงานในพรรคเพื่อไทยเพียงแค่ตำแหน่งเดียว แต่เพราะเป็น อุ๊งอิ๊ง เป็นคนมาชวน มาเป็นที่ปรึกษาด้วยความเต็มใจ และรู้สึกเป็นเกียรติ ที่ได้ทำหน้าที่นี้

นอกจากนี้ผู้สื่อข่าวยังถามต่อว่ารู้สึกอย่างไรที่ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวชื่นชม นายเศรษฐา กล่าวว่า รู้สึกเป็นเกียรติที่ผู้ใหญ่ชื่นชม และกล่าวขอบคุณ

Related Posts

Send this to a friend