POLITICS

‘เพื่อไทย’ แถลงสลาย MOU 8 พรรคร่วมฯ ให้ ‘ก้าวไกล’ ไปเป็นฝ่ายค้านฯ พร้อมเสนอชื่อ ‘เศรษฐา’ ชิงนายกฯ 4 ส.ค. นี้

ส่วนพรรคร่วมใหม่ จะชัดเจนวันพรุ่งนี้! ยืนยัน สนับสนุนนโยบายที่เห็นตรงกันกับ 8 พรรคร่วมฯ ลั่น ไม่ใช่การเลิกกัน แต่ทุกอย่างมีเหตุผล

วันนี้ (2 ส.ค. 66) ที่ทำการพรรคเพื่อไทย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค, นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค, นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค แถลงข่าวกับสื่อมวลชนเรื่อง ผลการหารือร่วมกับพรรคก้าวไกลและ 8 พรรคการเมือง

นายประเสริฐ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาเวลา 9:30 น. ได้พบปะหารือร่วมกันกับพรรคก้าวไกล โดยใช้เวลาหารือร่วมกัน 2 ชั่วโมง ซึ่งหลังหารือแล้วเสร็จ ได้แจ้งผลการหารือและข้อสรุปโดยการโทรศัพท์ถึง 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลเดิมถึงแนวทางการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย

นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เริ่มต้นใหม่ ร่วมผ่าทางตัน หาทางออกให้ประเทศ เนื่องจากการจัดตั้งรัฐบาลในครั้งนี้ พรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทย ได้จับมือร่วมกับ พรรคการเมือง อีก 6 พรรค รวมเสียงได้ 312 เสียง เพื่อจัดตั้งรัฐบาลโดยมีพรรคก้าวไกลเป็นแกนนำ และเสนอคุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรี ทั้ง 8 พรรคมีข้อสรุปภายใต้การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยมีความเห็นอย่างชัดเจนจากพรรคเพื่อไทย ยึดมั่นในการมีสถาบันพระมหากษัตริย์ทรงเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทยทั้งประเทศและไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112

นพ.ชลน่าน กล่าวต่อว่า ในวันที่ 13 ก.ค. 66 แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคก้าวไกล ไม่สามารถรวบรวมเสียงสนับสนุนจากรัฐสภาได้ โดยมีเพียง 324 เสียงจากที่ต้องการถึง 376 เสียง ซึ่งพรรคเพื่อไทยได้สนับสนุนพรรคก้าวไกลอย่างเต็มความสามารถทั้งการอภิปราย และยกมือสนับสนุน 141 เสียง แต่เนื่องจากปรากฏเงื่อนไขของพรรคการเมืองอื่นๆ และสมาชิกวุฒิสภา ไม่ยอมรับนโยบายแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ของพรรคก้าวไกล โดยพรรคก้าวไกลรับทราบท่าทีเหล่านี้ แต่ยืนยันไม่ปรับเปลี่ยนนโยบาย จึงเป็นการแน่ชัดว่า แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคก้าวไกล จะไม่สามารถผ่านการลงมติเห็นชอบจากรัฐสภาให้ดำรงตำแหน่งได้

“ดังนั้นที่ประชุม 8 พรรคร่วม จึงมีมติส่งมอบภารกิจแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลให้พรรคเพื่อไทย โดยเห็นชอบแนวทางให้พรรคเพื่อไทย หาเสียงสนับสนุนทั้งจากพรรคการเมืองนอกกลุ่มพรรคร่วมเดิม และสมาชิกวุฒิสภาได้” นพ.ชลน่าน กล่าว

นพ.ชลน่าน ระบุว่า เมื่อได้รับมอบหมายภารกิจ พรรคเพื่อไทยจึงเดินหน้าเพื่อหาเสียงสนับสนุนเพิ่มเติมทั้งจาก สว. และ สส. โดยการเชิญหลายพรรคการเมืองเข้าหารือแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ณ ที่ทำการพรรคเพื่อไทย และส่งตัวแทนรับฟังความคิดเห็นสมาชิกวุฒิสภาทั้งเป็นกลุ่มและรายบุคคล พบว่านโยบายแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ยังคงเป็นเงื่อนไขหลัก ขณะที่บางพรรคและบางคนแสดงเจตนาอย่างชัดแจ้งที่จะไม่สนับสนุนการร่วมรัฐบาลของพรรคก้าวไกลในทุกกรณี

“ในสถานการณ์เช่นนี้ พรรคเพื่อไทย ได้ปรึกษาหารือกับพรรคก้าวไกลขอถอนตัวจากการร่วมมือกันและ เดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลพรรคร่วมใหม่ เสนอชื่อ นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยพรรคเพื่อไทยและนายเศรษฐา ทวีสิน ขอยืนยันชัดเจนว่า เราจะไม่สนับสนุนการแก้ไขมาตรา 112 และการจัดตั้งรัฐบาลใหม่จะไม่มีพรรคก้าวไกลอยู่ในพรรคร่วม พรรคเพื่อไทยจะใช้ความพยายามรวบรวมเสียง ให้เพียงพอต่อการจัดตั้งรัฐบาลอย่างเหมาะสม และพรรคก้าวไกลจะทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้านและยืนยันจะทำงานการเมืองในมิติใหม่ ที่จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและพี่น้องประชาชน”

โดยภารกิจที่สำคัญมีดังนี้

1.เราจะผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันอันเป็นต้นเหตุของความยากลำบากในการจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้ และก่อให้เกิดวิกฤตการณ์ต่าง ๆ ของประเทศ โดยกำหนดเป็นวาระแห่งชาติ โดยเริ่มจากมติ ครม.ในการประชุมครั้งแรก ให้มีการทำประชามติ และจัดตั้ง สสร. ให้เกิดกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนอย่างแท้จริงในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เมื่อดำเนินการแล้วเสร็จ รัฐบาลจะคืนอำนาจให้ประชาชนได้เลือกตั้งใหม่ภายใต้กรอบกติกาของรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

2.นโยบายที่พรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมได้นำเสนอต่อพี่น้องประชาชน ซึ่งมีความคิดเห็นสอดคล้องกัน อาทิ กฎหมายสมรสเท่าเทียม กฎหมายสุราก้าวหน้า การปฏิรูประบบราชการ ตำรวจ กองทัพ และกระบวนการยุติธรรม เปลี่ยนการเกณฑ์ทหารแบบบังคับเป็นระบบสมัครใจ ฯลฯ ผลักดันการกระจายอำนาจทั้งในแง่ภารกิจและงบประมาณ ยกเลิกการผูกขาดและส่งเสริมการแข่งขันทางการค้าที่เป็นธรรมในทุกอุตสาหกรรม เป็นต้น ในฐานะพรรคแกนนำรัฐบาลพรรคเพื่อไทยพร้อมที่จะผลักดันร่วมกับพรรคร่วมเพื่อให้นโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชนดำเนินการได้ประสบความสำเร็จ

นพ.ชลน่าน กล่าวทิ้งท้ายว่า พรรคเพื่อไทย ขอแสดงความจริงใจต่อเพื่อนมิตรทุกพรรคการเมือง และสมาชิกวุฒิสภา รวมทั้งพี่น้องประชาชนว่า นี่คือแนวทางที่จะรักษาสถาบันสำคัญของชาติให้เป็นศูนย์รวมจิตใจของคนทั้งประเทศ และช่วยผลักดันความต้องการของประชาชน ภายใต้ข้อจำกัดและเส้นทางที่ยากลำบากนี้ไว้ได้ เพื่อให้ภารกิจนำพาประเทศพ้นวิกฤต สร้างสรรค์ประชาธิปไตย แก้ไขความขัดแย้ง คืบหน้าอย่างมีนัยสำคัญ ปลดพันธนาการจากกลไกที่ไม่ปกติให้คืนสู่ความปกติ และใช้ประสบการณ์ และความสามารถของบุคลากรของพรรคเพื่อไทยเร่งแก้วิกฤตเศรษฐกิจและปัญหาปากท้องของพี่น้องประชาชนโดยเร็ว ภายใต้รัฐธรรมนูญใหม่ซึ่งเป็นกติกาสูงสุดจากอำนาจประชาชน

เมื่อถามถึงมติของพรรคก้าวไกลจะโหวตให้แคนดิเดตเพื่อไทยหรือไม่ นพ.ชลน่าน ระบุว่า เป็นเอกสิทธิ์ของพรรคก้าวไกลว่าจะลงคะแนนให้หรือไม่ก็ได้ ส่วนพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลใหม่ จะแถลงอย่างเป็นทางการในวันพรุ่งนี้ โดยคาดว่าน่าจะเป็นช่วงบ่าย และจะมีพรรครวมไทยสร้างชาติ หรือพรรคพลังประชารัฐหรือไม่นั้น ก็ขอให้รอดูในวันพรุ่งนี้เช่นเดียวกัน

เมื่อถามว่า ไม่มีพรรคก้าวไกลอยู่ในพรรคร่วมฯ แล้ว สว. จะโหวตให้ใช่หรือไม่ นพ.ชลน่าน ระบุว่า จากเจตนารมณ์ที่แถลงไป จะเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจของสว. ตามเงื่อนไขที่ติดขัดไว้ ซึ่งน่าจะเพียงพอให้ สว. เห็นด้วย

เมื่อถามว่าเสียงที่เหมาะสมนั้นคือเท่าไหร่ นายภูมิธรรม ระบุว่า ก็เกินครึ่ง เพื่อที่สามารถบริหารประเทศได้

นพ.ชลน่าน ระบุว่า บรรยากาศในการหารือร่วมกันกับพรรคก้าวไกลเมื่อช่วงเช้าเป็นไปได้ด้วยดี ซึ่งทางพรรคก้าวไกลต้องการความชัดเจน ยืนยันว่าไม่ใช่การบอกเลิก แต่เป็นสิ่งที่มีความจำเป็น ที่ต้องชี้เหตุและผล ในการจัดตั้งรัฐบาล โดยไม่มีพรรคก้าวไกล

นายภูมิธรรม กล่าวถึงการโจมตีและด่าทอจากแกนนำพรรคก้าวไกล ว่าพรรคเพื่อไทยพยายามดึงเกมส์ให้การจัดตั้งรัฐบาลช้าลง ว่า เราพยายามชี้แจงในประเด็นที่สมาชิกของก้างไกล แถลงเหมือนเราดึงเวลาจนถึงนาทีสุดท้าย เหมือนหลอกให้โหวตแล้วไม่ดำเนินการตรงไปตรงมา แต่เราได้รับการร้องขอจากแกนนำพรรคก้าวไกล ให้รอถึงวันที่ 31 ก.ค. เวลา 23:00 น. เราก็รอจนถึงเที่ยงคืนก็ไม่ได้รับการติดต่อมา จนเมื่อวันที่ 1 ส.ค. เราจึงเริ่มดำเนินการตามกระบวนการของเรา ยืนยันว่าคุยกันต่อเนื่องมาตลอด แต่อาจผิดที่สื่อสารภายใน เราไม่ได้ถือสาอะไร แต่ควรเข้าใจ และชี้แจงส่วนนี้ด้วย

ด้านนายประเสริฐ ระบุว่า เนื่องจากข้อกำกัดเวลา สถานการณ์ จึงได้โทรหาเลขาธิการพรรคทุกพรรค ร่วมจัดตั้งรัฐบาลเดิม พร้อมแจ้งว่า

1.แจ้งเหตุผลถึงความจำเป็นในการจักตั้งรัฐบาลโดยไม่มีพรรคก้าวไกลเป็นพรรคร่วม ถึงรายละเอียดและความเป็นมาในการทำงาน

2.ในกรณีพรรคร่วมอื่น จะตัดสินใจว่าจะร่วมกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ ก็เป็นดุลพินิจของแต่ละพรรค หากเห็นว่าแนวทางของเพื่อไทยสามารถร่วมได้เราก็ยินดีที่จะร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล

3.ส่วนการโหวตของก้าวไกล จะโหวตให้เพื่อไทยหรือไม่อย่างไร ก็แจ้งไปแล้วว่าเรื่องนี้เป็นเอกสิทธิ์ของก้าวไกล เราไม่อาจแสดงความเห็น อาจมีมติหรือไม่ก็ได้ ส่วนทั้ง 6 พรรคร่วมเดิม ก็มีตอบรับกลับมาบ้าง และต้องรอดูวันพรุ่งนี้

นายภูมิธรรม กล่าวยืนยันว่า การไม่มีพรรคก้าวไกลอยู่ในพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลนั้น ไม่ใช่การเกี้ยเซียะทางการเมือง ซึ่งการไปเป็นฝ่ายค้าน เราไม่ได้มองว่าเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาล อะไรเป็นประโยชน์เราก็ทำด้วย แต่เราไม่สนับสนุนการแก้ไข 112 รวมถึงพรรคเพื่อไทยจะใช้ประสบการณ์แก้วิกฤติเศรษฐกิจ และการเมืองที่เกิดขึ้น เราจึงต้องเร่งตั้งรัฐบาล และแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นให้กลับเป็นปกติ

“เราต้องมีนายกฯ และจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ และค่อยว่ากัน ต้องตั้งรัฐบาลให้ได้ ซึ่งไม่ใช่มาแบ่งเค้ก หรือชิงอำนาจกัน” นายภูมิธรรม กล่าว

เมื่อถามว่าหากพรรคก้าวไกลไม่โหวตให้ ทางพรรคเพื่อไทยจะทำอย่างไร นพ.ชลน่าน ระบุว่า เราไม่เตรียมแผนสำรอง และจะเห็นชัดเจนในวันที่ 4 ส.ค. นี้ พร้อมมั่นใจว่าจัดตั้งรัฐบาล และได้นายกฯ อย่างแน่นอน และพร้อมตอบคำถามกับสังคม ตอบไปตามความจริง ทุกอย่างมีเหตุผล

Related Posts

Send this to a friend