POLITICS

ป.ป.ช. ลงพื้นที่ภูเก็ต เฝ้าระวัง และป้องกันการทุจริต

วันนี้ (2 พ.ค. 67) เวลา 09:00 น. ที่โรงแรมรอยัล ภูเก็ต สำนักงานคณะกรรมการป้องกันปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พร้อมด้วยคณะผู้บริหารสำนักงาน ป.ป.ช. และผู้แทนจากหน่วยงานราชการในจังหวัดภูเก็ต นำโดย นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการ ป.ป.ช. จัดโครงการสื่อมวลชนสัมพันธ์ ครั้งที่ 1 ปี 2567 เสวนาในประเด็น “สถิติคดีและเรื่องร้องเรียนของสำนักงาน ป.ป.ช. ภาค 8 และสถิติคดีทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต และการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเข้าหาดสาธารณะ”

นายนิวัติไชย กล่าวเปิดงานว่า ภูเก็ตเป็นจังหวัดเศรษฐกิจสําคัญ โดยเฉพาะการท่องเที่ยว เป็นเหมือนแหล่งทองคําที่มูลค่าสูงขึ้นตลอดเวลา จึงเป็นปัจจัยสําคัญที่ทําให้มีปัญหาร้องเรียนคดีจํานวนมาก โดยเฉพาะคดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเป็นปัญหาที่สะสมมานาน การแก้ปัญหาจึงไม่ใช่เรื่องง่าย

นายนิวัติไชย กล่าวว่า วันนี้ ป.ป.ช.ไม่ได้เน้นการปราบปราม แต่เน้นหนักป้องกันไม่ให้การกระทําผิดเกิดขึ้น เราไม่อยากไปไล่จับผิดเจ้าหน้าที่รัฐ หรือเอกชนที่กระทําผิด เพราะไม่ใช่วิธีการที่ถูกต้อง แต่ต้องหาวิธีไม่ให้เกิดขึ้น ดังนั้นต้องไม่มีการเพิกเฉย และมีการบูรณาการร่วมกันทุกภาคส่วน โดยเฉพาะภายในจังหวัด ทั้งนี้ เราจะมีการปรับปรุงกลไกให้กระบวนการโปร่งใส อํานวยความสะดวกเรื่องข้อมูลข่าวสารให้ประชาชน และสื่อมวลชนสามารถตรวจสอบได้ ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. พยายามสร้างความโปร่งใสในข้อมูลข่าวสาร โดยพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารแม้จะไม่มีความเข้มแข็ง และการใช้บังคับ แต่ก็มีกระบวนการกลไก ที่วันนี้ ป.ป.ช. เสริมเรื่อง ITA หรือ การประเมินคุณธรรม และความโปร่งใส การดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ ที่ใช้กับหน่วยงานรัฐ 8,000 กว่าแห่ง เพื่อให้เกิดความโปร่งใส ที่สามารถตรวจสอบร่วมกันได้

ด้านนายโสภณ สุวรรณรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เปิดเผยว่า จังหวัดภูเก็ตเป็นจุดหมายปลาทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลก โดยในปี 2566 มีนักท่องเที่ยวมาที่จังหวัดภูเก็ตกว่า 11,600,000 คน ซึ่งมีรายได้จากการท่องเที่ยวเข้าประเทศถึง 380,000 ล้านบาท หรือในช่วงก่อนหน้านี้ ที่เกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19 ก็มีนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาภูเก็ตกว่า 14 ล้านคน โดยในปีนี้ตนเชื่อว่า จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาในจังหวัดภูเก็ตมากกว่า 14 ล้านคน

อย่างไรก็ตาม จำนวนประชากรในทะเบียนบ้านที่เป็นคนภูเก็ตอยู่ที่ 420,000 คน ส่วนคนที่มาจากต่างจังหวัดมาอาศัยอยู่ที่ภูเก็ตมีประมาณ 550,000 คน และนักท่องเที่ยวอีกประมาณ 4-6 แสนคนขึ้นอยู่กับช่วงเวลา โดยเฉลี่ยจังหวัดภูเก็ตมีประชากรอยู่ที่ 1,200,000 – 1,500,000 คน โดยชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามามากที่สุดในช่วงปลายปีที่แล้ว คือชาวรัสเซีย ตามมาด้วยจีน และอินเดีย มีเที่ยวบินที่เดินทางตรงมายังภูเก็ตประมาณ 65 เที่ยว รวมถึงเที่ยวบินในประเทศ รวมแล้วเกือบ 300 เที่ยวบินต่อวัน ซึ่งยังไม่นับรวมการเดินทางในเภทอื่นๆ อีกด้วย

นายโสภณ กล่าวต่อว่า ชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามายังภูเก็ตบางส่วนก็สร้างปัญหาให้กับพื้นที่อยู่พอสมควร ตนจึงจำเป็นต้องตั้งชุดศูนย์พิเศษขึ้น ในการมอนิเตอร์ชาวต่างชาติที่กระทำผิดกฏหมาย โดยตอนนี้ได้เพิกถอนวีซ่านักท่องเที่ยวที่กระทำความผิดร้ายแรงไปแล้วกว่า 100 ราย ซึ่งหากไม่เข้าเงื่อนไขการกระทำความผิดร้ายแรงในการถอนวีซ่า เราก็มีอนุกรรมการชุดนึงที่ตำรวจ ตม. แนะนำไว้ให้ตั้งขึ้น เพื่อคอยดูพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวดังกล่าว ที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม หรือก่อให้เกิดความวุ่นวาย เกิดความไม่สงบเรียบร้อยในบ้านเมือง และส่งผลกระทบต่อพี่น้องประชาชน เพื่อให้พิจารณาถอนวีซ่า

สำหรับจังหวัดภูเก็ตเป็นจังหวัดที่มีขนาดไม่ใหญ่ ซึ่งทรัพยากรมีอยู่เท่าเดิม แต่จำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้น รวมถึงกฎหมายที่เปิดช่องทาง และโอกาสให้ชาวต่างชาติได้ซื้อที่ดินในประเทศไทย ก็ส่งผลกระทบต่อความเดือดร้อนอยู่พอสมควร และเป็นข้อกฎหมายที่ทำให้ผู้ปฏิบัติทำงานยากในการทำงาน ตนเอง และทุกภาคส่วนราชการพยายามรวมพลังกันเพื่อต้องการตามให้ทันพวกเขา รวมถึงจังหวัดภูเก็ตมีภูมิประเทศเป็นเกาะ และมีพื้นที่ชายหาดที่อยู่รอบเกาะ ซึ่งพื้นที่ที่มีปัญหาต่างๆ เราก็ได้ดำเนินการมาโดยตลอด และบางส่วนอยู่ในการพิจารณาของศาล และมีบางส่วนที่คดีจบไปแล้ว โดยเรามีหลายหน่วยที่เข้ามาช่วย

นายโสภณ กล่าวอีกว่า ตนคิดว่าปัญหาในจังหวัดภูเก็ตเป็นปัญหาที่ซับซ้อน ซึ่งมีปัญหาเยอะมาก และมีทุกรูปแบบ ถือว่าเป็นเรื่องปกติ เพราะเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับนานาชาติ โดยตนพยายามรณรงค์ให้ภูเก็ตเป็นเมืองสะอาด และเป็นเมืองปลอดภัย ให้เป็นเมืองที่น่าอยู่ต่อผู้ที่มาเที่ยว และคนที่อยู่ในภูเก็ต ที่ทุกคนจะต้องช่วยกัน อีกทั้งตนเองก็เสนอให้จังหวัดภูเก็ตควรจะเปลี่ยนรูปแบบการปกครองท้องถิ่นรูปแบบพิเศษได้แล้ว เช่น พัทยา หรือ กรุงเทพฯ เพื่อที่งบประมาณจะได้ลงมาที่ภูเก็ต เพราโครงสร้างพื้นฐานไม่ได้รอบรับในการเป็นเมืองท่องเที่ยว เช่น รถติด น้ำประปาไม่พอ ขนส่งมวลชนที่ไม่ดี และถนนที่มีน้อยมาก ซึ่งโชคดีที่นายกรัฐมนตรีมาลงพื้นที่ จึงได้มีถนนเพิ่มเป็น 4 เส้น จากที่ก่อนหน้านี้จะต้องขยายเลนถนน และการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า

ส่วนเรื่องของการทุจริต เรามีความร่วมมือกับทุกภาคส่วนต่างๆ ซึ่งตนเห็นด้วยอย่างยิ่งที่ ป.ป.ช. มาเน้นเรื่องการป้องกัน มากกว่ารอให้เกิดการทุจริต และจึงจะดำเนินการ แต่การป้องกันช่วยให้ไม่เกิดความเสียหายต่อรัฐ ซึ่งบ้านเมืองไม่เกิดความเสียหาย และคิดว่าพลังของประชาชนสื่อมวลชนรวมถึงสื่อสังคมออนไลน์ที่ช่วยเป็นหูเป็นตาได้อย่างดี เป็นสิ่งสำคัญ ในการป้องกันการทุจริตให้ลดน้อยลงไปจนหมดไปได้

จากนั้น ในช่วงบ่าย สำนักงาน ป.ป.ช. ได้พาคณะสื่อมวลชน ลงพื้นที่ร่วมกับ ส.ป.ก. และตำรวจภูธรภาค 8 เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับกรณีศึกษาภารกิจงานปราบปรามการทุจริต ที่หาดนุ้ย และหาดพาราไดซ์ อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต ซึ่งมีการก่อสร้างรุกล้ำชายหาด และอ้างเอกสารสิทธิ์ ส.ค. 1 ในการก่อสร้าง

Related Posts

Send this to a friend