POLITICS

กมธ.อุตสาหกรรม ฟันธงไฟไหม้โรงงานบ้านค่าย-ภาชีเชื่อมโยงกัน

กมธ.อุตสาหกรรม ฟันธงไฟไหม้โรงงานบ้านค่าย-ภาชีเชื่อมโยงกัน เผยเคยแนะนายกฯ ชูเป็นวาระแห่งชาติ หวั่นเกิดเหตุซ้ำซาก ยอมรับตกใจอธิบดีกรมโรงงานลาออก เชื่อมีแรงกดดัน แต่ไม่รู้มาจากไหน

วันนี้ (2 พ.ค. 67) คณะกรรมาธิการอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร นำโดย นายอัครเดช วงศ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ แถลงข่าวผลการประชุมเรื่องเหตุการณ์ไฟไหม้โรงงานเก็บกากสารเคมีวินโพรเสส อ.บ้านค่าย จ.ระยอง ซึ่ง กมธ.อุตสาหกรรมมีความเป็นห่วงสถานการณ์ดังกล่าว จึงได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาประชุมทั้ง กรมโรงงานอุตสาหกรรม สำนักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม รองผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง รองอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ ตลอดจนนายอำเภอบ้านค่าย โดยเพลิงไหม้ที่โรงงานวินโพรเสส 3-5 วัน สร้างมลภาวะในพื้นที่ชุมชนรอบโรงงานอย่างหนัก ได้รับรายงานว่ามีผู้ป่วยลงทะเบียนกว่า 600 ราย ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินหายใจ

ขณะที่นายอำเภอบ้านค่ายรายงานว่าควบคุมเพลิงได้แล้ว 100% แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือยังมีกลุ่มควันเกิดขึ้นบางส่วนที่อาคาร 4 ส่วนอาคาร 3 มี Aluminum dose 5 พันตัน เป็นลาวาที่พร้อมจะปะทุ ตอนนี้อยู่ในช่วงของการเฝ้าระวังและเข้าไปดูแลเยียวยาพี่น้องประชาชน และฟื้นฟูสภาพแวดล้อมดังกล่าว

สิ่งที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือประชาชนที่อยู่โดยรอบพื้นที่ เพราะได้รับก๊าซพิษ เมื่อวานนี้ไปตรวจวัดพบค่าของสารหลายตัวเกินมาตรฐาน สภาพอากาศรอบโรงงานในช่วงนี้เป็นช่วงที่ยังไม่ปกติ กมธ.อุตสาหกรรม จึงได้ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเฝ้าระวัง อย่าให้มีเหตุเพลิงไหม้ซ้ำอีก

นายอัครเดช กล่าวต่อว่าได้รับรายงานว่าโรงงานแห่งนี้ เชื่อมโยงกับเหตุเพลิงไหม้โรงงานที่ อ.ภาชี เนื่องจาก กมธ.เคยลงพื้นที่ไปศึกษาหน้างานที่ อ.ภาชี มาแล้วเมื่อต้นปี หลังได้รับการร้องเรียนจาก สส.ในพื้นที่พบว่ามีการเก็บสารอันตรายเป็นจำนวนมาก และเก็บไม่ถูกต้องตามหลักวิชาการและสิ่งแวดล้อม อธิบดีกรมโรงงานฯ จึงได้สั่งปิด ต่อมาก็ได้รับทราบว่ามีเหตุเพลิงไหม้ สาเหตุคล้ายกับการวางเพลิง หลังจากนั้น กมธ.ก็ไม่ได้ติดตามต่อ จนมาทราบว่ามีไฟไหม้เมื่อวานหลังจากประชุมเสร็จ โดยวันที่ 15 พ.ค.67 จะออกหนังสือเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาประชุม เพราะถือว่าเป็นเรื่องไม่ปกติ

“โรงงานทั้ง 2 แห่งมีความเชื่อมโยงกัน แต่เชื่อมโยงลักษณะไหนต้องรอวันที่ 15 พ.ค. จะว่าดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดอย่างไรได้บ้าง ไม่เช่นนั้นจะเกิดพฤติกรรมการเลียนแบบ” นายอัครเดช กล่าว

ส่วนการทิ้งกากอุตสาหกรรมหรือสารเคมี ตามกฎหมายจะไม่มีโทษปรับ ดังนั้นทำให้ผู้ประกอบการไม่เกรงกลัว กมธ.อุตสาหกรรม จึงได้ยื่นร่าง พ.ร.บ.แก้ไขให้โรงงานอุตสาหกรรม เพิ่มความผิดอาญา ให้จำคุก 5 ปี กลับจาก 2 แสนบาทเป็น 1 ล้านบาท เพื่อให้ผู้ประกอบการเกรงกลัวกฎหมาย จึงเป็นข้อสังเกตได้ว่าเหตุไฟไหม้ เป็นการเลี่ยงกฎหมายใหม่หรือไม่ กมธ.อุตสาหกรรมจึงมีความเป็นห่วง เราอยากให้หน่วยงานที่กำกับดูแลเข้าไปตรวจสอบโรงงานที่มีกากของเสียทุกแห่ง เพราะหากมีการวางเพลิงจริง จะเกิดการเลียนแบบ

เจ้าหน้าที่ภาครัฐมีหลายกระทรวงเข้าไปดูแล ไม่ใช่เรื่องกระทรวงอุตสาหกรรมเพียงกระทรวงเดียว แต่ประกอบไปด้วยผู้ว่าราชการจังหวัด กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตนเองได้บอกนายกรัฐมนตรีไปแล้วว่ามันเป็นวาระแห่งชาติ ที่ต้องเข้ามาดูเรื่องนี้อย่างจริงจัง ไม่เช่นนั้นจะเกิดปัญหาแบบนี้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ส่วนกรณีที่ นายจุลพงษ์ ทวีศรี อธิบดีกรมโรงงานลาออกจากตำแหน่ง เมื่อวานนี้มีการสั่งเรียกเอกสาร เราขออธิบดีให้ดำเนินการพอท้ายประชุม อธิบดีก็แจ้งว่าครั้งหน้าไม่สามารถมาให้เอกสารได้ เพราะได้ลาออกแล้ว ตนเองและที่ประชุมก็ตกใจ เพราะตลอดเวลาที่ประชุมก็ไม่มีวี่แววว่าจะลาออก ตนเองได้ถามปลัดกระทรวงฯ ว่าได้ยับยั้งหรือไม่ แต่ปลัดกระทรวงฯ ก็มีท่าทีตกใจ บอกว่ายังไม่ทราบ ยอมรับว่าเสียดาย ไม่ได้ช่วยแก้ต่างให้ เพราะอธิบดีก็เป็นลูกหม้อ ทำงานดี ตนเองได้ถามว่าจะไม่ทบทวนหรือ แต่อธิบดีก็ไม่เปลี่ยนใจ ต้องยอมรับว่าปัญหาเหล่านี้หมักหมมมานานแล้ว ทั้งเรื่องข้อกฎหมายและงบประมาณ เพราะฉะนั้น การจะแก้ปัญหานี้ได้ ไม่ใช่แค่อธิบดีกรมเดียว

นายอัครเดช กล่าวต่อว่าท่านก็ไม่ได้บอกเหตุผลอะไร เราก็พอทราบว่าเหตุการณ์มันเกิดขึ้นเยอะ ภาระ แรงกดดัน ความคาดหวังจากพี่น้องประชาชนและสังคมไปที่ตัวท่านอาจจะมากเป็นพิเศษในช่วงนี้ อาจจะมีแรงกดดันหลายเรื่อง ก็เคารพการตัดสินใจของท่าน แต่ก็เสียดายในฐานะที่ท่านเป็นข้าราชการที่ทุ่มเททำงานตลอดระยะเวลาที่ได้สัมผัส ตนเองเชื่อว่าแรงกดดันมีอยู่แล้ว แต่ว่าแรงกดดันจากไหน ไม่ทราบ

Related Posts

Send this to a friend