POLITICS

ไทย- สหรัฐ จับมือ ร่วมฝึกคอบร้าโกลด์ 2024 วันที่ 26 ก.พ.- 8 มี.ค.นี้

“ไทย- สหรัฐ” จับมือ ร่วมฝึกคอบร้าโกลด์ 2024 ระหว่างวันที่ 26 ก.พ.- 8 มี.ค.นี้ ต้อนรับทหาร 30 ประเทศ พร้อมจับตาภารกิจกู้เรือหลวงสุโขทัย ที่อับปางกลางทะเล

วันนี้ (2 ก.พ. 67) กองบัญชาการกองทัพไทย ร่วมกับสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ประเทศไทย และคณะที่ปรึกษาทางการทหารสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย (JUSMAGTHAI) โดยมี พลเอก ธิติชัย เทียนทอง เสนาธิการทหาร ร่วมกับ นาย โรเบิร์ต เอฟ. โกเดค (Robert F. Godec) เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เป็นประธานในการแถลงข่าวการฝึกร่วม-ผสม คอบร้าโกลด์ 2024 พร้อมด้วย ผู้แทนกองทัพสหรัฐอเมริกา และผู้แทนกองทัพมิตรประเทศที่เข้าร่วมการฝึกฯ ณ ห้องรับรอง 11 กองบัญชาการกองทัพไทย ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพมหานคร (กทม.)

พล.อ.ธิติชัย กล่าวว่า ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 13 ในการฝึกคอบร้าโกลด์ เป็นการฝึกร่วมผสมทางทหารขนาดใหญ่และมีประวัติยาวนานที่สุดการฝึกหนึ่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียใต้ ซึ่งกองทัพไทย และกองกำลังสหรัฐอเมริกา ภาคพื้นอินโด-แปซิฟิก ร่วมกันเป็นเจ้าภาพจัดการฝึกในประเทศไทยเป็นประจำทุกปี โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างมิตรประเทศที่ร่วมฝึกและพัฒนาขีดความสามารถในการฝึกร่วมกัน ซึ่งการฝึกปีนี้ จะดำเนินการฝึกตั้งแต่วันที่ 26 ก.พ.-8 มี.ค.67 โดยมีกิจกรรมที่สำคัญ คือ การฝึกการควบคุมและบังคับบัญชา ซึ่งสำหรับปีนี้เป็นวงรอบการฝึกปัญหาที่บังคับการ (Command Post Exercise : CPX) ต่อเนื่องจากปีที่แล้ว โดยปีนี้จะนำแผนดังกล่าวมาดำเนินการฝึกแก้ปัญหา และการฝึกช่วยเหลือประชาชน (Humanitarian Civic Assistance: HCA) ได้แก่ การก่อสร้างอาคารเอนกประสงค์สำหรับโรงเรียนในพื้นที่การฝึก จำนวน 5 พื้นที่ การฝึกการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและบรรเทาภัยพิบัติ และการฝึกภาคสนาม (Field Training Exercise: FTX) ประกอบด้วย การฝึกแลกเปลี่ยน CTX และการฝึกภาคสนามของกองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ การฝึกอพยพประชาชนออกจากพื้นที่ขัดแย้ง และการฝึกดำเนินกลยุทธ์ด้วยกระสุนจริง โดยการฝึกร่วม-ผสม คอบร้าโกลด์ 2024 นอกจากจะเป็นการพัฒนาขีดความสามารถของกำลังพลที่เข้าร่วมการฝึกในส่วนของกองทัพไทย และกองทัพมิตรประเทศ

ด้าน นายโรเบิร์ต เอฟ. โกเดค กล่าวว่า ขอบคุณประเทศไทยที่เป็นเจ้าภาพในการจัดงาน และสำหรับการสนับสนนุนอย่างยาวนานของพันธมิตร ระหว่างไทย-สหรัฐ โดยในนามของรัฐบาลสหรัฐอยากขอบคุณรัฐบาลไทยที่จัดงานและให้การต้อนรับผู้ร่วมฝึกทั้ง 30 ประเทศ ซึ่งปีนี้เป็นหลักชัยสำคัญในการฉลอง 190 ปี แห่งความสัมพันธ์ทางการการทูตระหว่างไทย – สหรัฐ ที่เปรียบเสมือนผืนผ้าที่ถักทอด้วยสายสัมพันธ์อันหลากหลายทางด้านวัฒนธรรม การค้า วิทยาศาสตร์ และการเชื่อมโยงระหว่างภาคประชาชน ซึ่งแน่นอนว่าสายสัมพันธ์ทางทหารและความมั่นคงก็เป็นพื้นฐานสำคัญของความเป็นหุ้นส่วนอันยั่งยืนของเรา

การฝึกครั้งที่ 43 นี้ เป็นเครื่องยืนยันถึงพันธไมตรีที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะเมื่อเราต้องเผชิญกับความท้าทายด้านใหม่ๆ ในมิติระดับภูมิภาค เช่น ไซเบอร์ อวกาศ ภูมิอากาศ ซึ่งเป็นเรื่องที่เราไม่สามารถต่อสู้ได้เพียงลำพัง และการฝึกทำให้ผู้คนที่มีภูมิหลังจากนานาประเทศ มาผสานพลังเป็นอันหนึ่งเดียวกัน และเสริมสร้างอินโด-แปซิฟิกให้มั่งคั่งสืบไป นอกจากจะร่วมฝึกทางทหารแล้ว ยังมาซึ่งประโยชน์แห่งชาวไทย อเมริกัน และประเทศอื่นๆ ด้วย เช่น ร้อยละ 60 เปอร์เซ็นต์ ของการค้าทะเลทั่วโลกต้องเดินทางผ่านอินโด-แปซิฟิก การฝึกนี้จะช่วยป้องกันภัยจากโจรสลัด ในเส้นทางเดินเรือทั่วโลก และช่วยส่งเสริมการขนย้ายสินค้าบริการอย่างเสรี ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนค่าขนส่งลงทำให้ธุรกิจไทยและสหรัฐ สามารถเติบโตและเจริญรุ่งเรือง รวมถึงผู้บริโภคก็ได้รับประโยชน์จากราคาที่ลดลงเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม นายโรเบิร์ต เอฟ. โกเดค ยังระบุอีกว่า ไทย – สหรัฐ จะร่วมกู้เรือหลวงสุโขทัยที่อับปางด้วย ซึ่งเรามุ่งมั่นปฏิบัติภารกิจนี้อย่างปลอดภัยและละเอียดถี่ถ้วน โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าภารกิจนี้จะนำมาซึ่งกำลังใจและข้อสรุปให้แก่ครอบครัวของทหารเรือและนาวิกโยธินผู้กล้าหาญทั้งหมดที่สูญหาย พร้อมกล่าวทิ้งท้ายว่า

“สำหรับบุคลากรทางทหารของสหรัฐนั้น การฝึกคอบร้าโกล์ดจะสร้างความรู้สึกประทับใจอย่างไม่รู้ลืม เฉกเช่นเดียวกับการฝึกครั้งก่อนๆ ซึ่งทราบดีว่าปีนี้ก็จะเป็นอีกครั้งหนึ่งที่พวกเขาจะช่วยกันสร้างมิตรภาพที่จะคงอยู่ตลอดไป แม้จะผ่านพ้นช่วงเวลาของการทำงานไปแล้วก็ตาม พร้อมกับการนำประสบการณ์อันทรงคุณค่าเกี่ยวกับประเทศไทยกลับไป และเป็นเสมือนผู้แทนทางการทูตด้านวัฒนธรรมของไทย เช่น จากการได้เรียนรู้ทักษะของศิลปะการต่อสู้แบบดั้งเดิมอย่างมวยไทย”

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า มียุทโธปกรณ์อะไรที่สหรัฐนำมาใช้บ้าง และจะมีเรือบรรทุกเครื่องบินสหรัฐ (US Carrier Battle Strike Group) มาเข้าร่วมหรือไม่ ด้าน เคอร์ติส เอ เลฟเฟอร์ เจ้าหน้าที่ทูตฝ่ายทหาร กล่าวว่า ในปีนี้จะไม่ได้มีการนำเรือบรรทุกเครื่องบินสหรัฐเข้ามา แต่จะเน้นในเรื่องของยานพาหนะ และการฝึกปฏิบัติการยุทธ์สะเทินน้ำสะเทินบก ซึ่งมันจะเป็นโอกาสอันดีสำหรับการฝึกครั้งนี้ที่ให้ไทย- สหรัฐ และประเทศที่เข้าร่วมใช้ขีดความสามารถในการแสดง โดยผ่านการฝึกกลยุทธ์กระสุนจริง และการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม รวมถึงการรับมือกับภัยพิบัติ

Related Posts

Send this to a friend