POLITICS

’วิโรจน์‘ นำคณะ กมธ.ทหาร เข้าหารือ รมว.กลาโหม

ทำโครงการพลทหารปลอดภัย จ่อตั้ง ’ธนเดช’ เป็นผู้ดูแล เผย เตรียมรับอาสาสมัคร เปิดโปงกระบวนการขาย สด.43 ปลอม ไม่กังวลปม ยุบพรรคก้าวไกล ย้ำคนในพรรคยังทำงานตามปกติ

วันนี้ (2 ก.พ. 67) เวลา 10:30 น. ที่สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม (ศรีสมาน) นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สมาชิกสภาผู้แทนราษฏร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ในฐานะประธานกรรมาธิการการทหาร นำคณะกรรมาธิการทหาร หารือ นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เกี่ยวกับโครงการพลทหารปลอดภัย เพื่อเป็นช่องทางการติดต่อเรื่องร้องทุกข์จากพลทหารใหม่ โดยมีนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม ฝ่ายการเมือง มาให้การต้อนรับ

เมื่อมาถึง นายวิโรจน์ ได้สักการะ หอพระพระพุทธไตรเสนากลาโหมพิทักษ์ ก่อนจะสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 5 ประจำสำนักสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม

นายวิโรจน์ เปิดเผยก่อนเข้าพบนายสุทิน ระบุว่า วันนี้ มาหารือหลายประเด็น เช่น เรื่องเรือดำน้ำ, การกู้เรือหลวงสุโขทัย, งบประมาณกองทัพ และที่ดินทหารที่ทับซ้อนกับประชาชน ซึ่งอยากให้ประชาชนมีมุมมอง และความสัมพันธ์ที่ดีกับกองทัพ เพราะหลายครั้งเมื่อกองทัพต้องการซื้อยุทโธปกรณ์ที่จำเป็น ก็จะถูกประชาชนมองในแง่ลบเสมอ รวมทั้งจะมานำเสนอโครงการพลทหารปลอดภัย เป็นโครงการที่อยากจะดำเนินการให้สำเร็จ และให้เกิดความมั่นใจกับครอบครัวของเหล่าพลทหารว่าจะได้รับความคุ้มครอง และไม่มีพลทหารที่ถูกทำโทษจนบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต โดยโครงการนี้ จะแต่งตั้ง นายธนเดช เพ็งสุข ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล ในฐานะรองประธานกรรมาธิการทหาร เป็นผู้ดูแล และจะขอการสนับสนุนทหารระดับบังคับบัญชา ในการอบรมเกี่ยวกับ พรบ.อุ้มหายฯ เพื่อให้เกิดความรู้กับคนในกองทัพ แต่หากป้องกันเหตุเหล่านั้นไม่ได้ กรรมาธิการทหารก็จะมีกระบวนการดำเนินคดีต่อไป

ผู้สื่อข่าวถามถึงเรื่องการเกณฑ์ทหาร ที่มีการพุ่งเป้าโจมตี ส.ส.ของพรรคก้าวไกลนั้น นายวิโรจน์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่กองทัพต้องตรวจสอบ แต่คณะกรรมาธิการทหารได้ดำเนินการตรวจสอบไปแล้ว ตั้งข้อสังเกตว่า ประชาชนจะปลอม แบบ สด.43 ได้อย่างไร หากไม่มีคนในกองทัพร่วมด้วย เพราะประชาชนไม่สามารถไปบังคับทหารให้มาเซ็นเอกสารได้ และได้ยินมาว่ามีสัสดีจำนวนหนึ่งที่นำเอกสารราชการ ลายเซ็นจริง ไปหากินกับประชาชน ทำให้ประชาชนหลงเชื่อ หากกองทัพกล่าวหาว่าเป็นเอกสารที่ปลอมขึ้น ต้องถามว่าใครเป็นคนทำปลอม

ซึ่งผู้ต้องหารายแรกคือเจ้าหน้าที่บางคนที่กระทำผิดเอง ส่วนการจะแจ้งความกับประชาชนต้องพิสูจน์ก่อนด้วยว่า มีการจ้างวาน หรือสนับสนุนการกระทำของเจ้าหน้าที่ด้วยหรือไม่ ซึ่งกรรมาธิการทหารอยู่ระหว่างหารือ และต้องการอาสาสมัครไปสืบข้อมูลของสัสดีจำนวนหนึ่ง เพื่อนำหลักฐานมาให้กรรมาธิการว่ามีสัสดีจำนวนหนึ่งที่มีพฤติกรรมเรียกรับทรัพย์จากประชาชนในการทำแบบ สด.43 เพื่อเปิดโปงจัดการกระบวนการเหล่านี้ ที่เซาะกร่อนบ่อนทำลาย ความไว้เนื้อเชื่อใจกองทัพที่อยู่ในใจประชาชน

ทั้งนี้ นายวิโรจน์ ยังกล่าวถึงประเด็นเรื่องการยุบพรรคก้าวไกล ด้วยว่า ตนเองก็อยู่ในกลุ่ม 44 คน ไม่มีความกังวล ใจแต่อย่างใด ไม่ได้สนใจว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น และคนในพรรคยังคงทำงานกันตามปกติ

Related Posts

Send this to a friend