‘นราพัฒน์‘ เผย ถ้ารัฐบาลเทียบเชิญก็พร้อมเคาะตามมติพรรค เห็นควรยุติความบาดหมาง ’เพื่อไทย‘
‘นราพัฒน์‘ ยืนยันเป็นไปไม่ได้ที่จะนำประชาธิปัตย์ร่วมรัฐบาล ใครจะยอมหั่นโควต้ารัฐมนตรีมาให้ ลั่น ‘เดชอิศม์‘ บินพบทักษิณแต่ไม่มีสิทธิตัดสินใจนำพรรคร่วมหรือไม่ร่วม แต่ถ้าสถานการณ์เปลี่ยนไป รัฐบาลเทียบเชิญก็พร้อมเคาะตามมติพรรค เห็นควรยุติความบาดหมาง ’เพื่อไทย‘ ชี้คนทำผิดรับโทษไปแล้ว
วันนี้ (1 ธ.ค. 66) นายนราพัฒน์ แก้วทอง ผู้สมัครชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว The Reporters กล่าวถึงกระแสข่าวว่าหากนายนราพัฒน์ ได้เป็นหัวหน้าพรรค จะนำ สส.พรรคประชาธิปัตย์ ไปอยู่ฝั่งรัฐบาล ที่แอบมีดีลไว้ก่อนนั้น
นายนราพัฒน์ กล่าวว่า เรื่องนี้ถ้าเรายึดหลักให้ได้ทุกอย่างจะจบ พรรคการเมืองทุกพรรคมีทั้งคนดีและไม่ดี คนไม่ดีก็คือคนไม่ดี คนไม่ดีต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองทำ แต่พรรคก็ยังเป็นมีคนดี คนเก่ง คนตั้งใจทำงานอยู่ในพรรคก็มี เพราะฉะนั้นถ้าเราไปตั้งแง่ก่อนเลยว่าฉันไม่เอาพรรคนี้ ไม่ชอบพรรคนั้น ฉันไม่ร่วมกับพรรคนี้พรรคนั้น สุดท้ายนั่นคือคุณกำลังพูดถึงความรู้สึกส่วนตัว เหมือนตนเองถ้าไปร่วมกับพรรคก้าวไกลได้ไหม ก็สบาย แต่ตนมีข้อแม้ว่า พรรคก้าวไกลต้องไม่ยุ่ง ม.112 ต้องไม่ล้มล้างสถาบัน ถ้าพรรคก้าวไกลไม่มีเจตนารมย์อะไรแบบนี้ก็ร่วมได้
นายนราพัฒน์ กล่าวต่อไปว่า หากถามว่าไปร่วมกับพรรคเพื่อไทยได้หรือไม่ ถามว่าหลักการคืออะไร หนึ่งคือไม่โกง ไม่ทุจริตคอร์รัปชั่น ถ้าไม่โกง ไม่ทุจริต ทำไมจะร่วมกับเขาไม่ได้
“ความบาดหมางในอดีต หรือการดำเนินการใด ทุกอย่าง เขาได้รับผลการกระทำไปแล้ว นายกฯ ในอดีตแต่ละคนที่ทุจริตคอรัปชั่น ก็ได้รับผลการลงโทษไปแล้ว เพราะฉะนั้นผมไม่ได้ปิดกั้น” นายนราพัฒน์ กล่าว
นายนราพัฒน์ กล่าวต่อไปอีกว่า ตนพูดแบบนี้จะแปลว่าจะเข้าไปร่วมเหรอ ตนขอยืนยันว่า ”ไม่ใช่“ การร่วมหรือไม่ร่วมขึ้นอยู่กับสถานการณ์ สมมุติว่าบ้านเมืองเดินไม่ได้ อย่างคราวที่แล้วรัฐบาลลุงตู่ ถ้าเราไม่ร่วมก็ตั้งรัฐบาลไม่ได้ เขาโยนโจทย์มาให้เรา เราก็นำเข้าสู่กระบวนการของพรรคในการตัดสิน เช่นเดียวกัน เกิดผ่านไปหกเดือนหรือหนึ่งปี รัฐบาลมีปัญหาเกิดวิกฤติอะไรสักอย่าง แล้วโยนโจทย์มาว่าพรรคประชาธิปัตย์เข้าไปร่วมได้ไหมเพื่อให้ประเทศเดินต่อไปได้ พอโยนโจทย์มา มีเทียบเชิญเข้าร่วมรัฐบาล มีการพูดคุย พรรคก็มีกระบวนการเรียกประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคร่วมกับ สส. แล้วก็ต้องชี้แจงถกเถียงจนตกผลึกออกมาเป็นมติว่าจะร่วมหรือไม่ร่วม
”ถ้าเสียงข้างมากบอกว่าร่วมก็ไปร่วม ถ้าเสียงข้างมากบอกว่าไม่ร่วม ใครจะพาเข้าร่วมล่ะครับ ผมเป็นหัวหน้าพรรคก็เข้าไปร่วมไม่ได้ เพราะสมาชิกหรือลูกพรรคไม่ยอม ก็คือมติของพรรค พรรคต้องใหญ่กว่าบุคคล ใหญ่กว่าหัวหน้าพรรค มติของพรรคต้องจบ ฉะนั้นร่วมหรือไม่ร่วมอย่านำมาเป็นประเด็นทางการเมืองเพื่อที่จะโจมตีว่าผมเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ จะเข้าไปร่วม ผมบอกว่าถ้าเขาไม่ส่งเทียบเชิญมา คุณจะไปร่วมกับเขาได้อย่างไร“ นายนราพัฒน์ กล่าวย้ำ
นายนราพัฒน์ กล่าวถึงกรณีที่เป็นข่าวว่านายเดชอิศม์ ขาวทอง บินไปคุยกับนายทักษิณ ชินวัตร ที่ประเทศฮ่องกงก่อนการจัดตั้งรัฐบาล ว่า ท่านไปคุย แต่คุยก็คือคุย แล้วยังไง ท่านมีอำนาจตัดสินใจเหรอ การตัดสินใจร่วมรัฐบาลไม่ได้อยู่ที่ท่านเดชอิศม์ แต่อยู่ที่กรรมการบริหารร่วมกับ สส. เสียงข้างมาก แต่การที่คุณเดชอิศม์จะไปพูดคุยก็ไม่เป็นไร ตรงกันข้ามกับท่านอื่นๆ ที่ปฏิเสธว่ายังไงก็ไม่ร่วมกับรัฐบาลชุดนี้ ก็เป็นสิทธิที่ท่านจะพูด แต่สุดท้ายเหตุการณ์เกิดหรือยัง แต่ก็กลายเป็นประเด็นที่เอามาขยายความ ว่าถ้าคนนี้คนนั้นเป็น ก็จะไปร่วมรัฐบาล “แต่ความจริงไม่ใช่” ตนเองขอยืนยันว่า พรรคประชาธิปัตย์มีกระบวนการทางความคิด การตัดสินใจ
ผู้สื่อข่าวถามว่ากรณี 16 สส.พรรคประชาธิปัตย์ ลงมติเห็นชอบนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี เป็นการส่งสัญญาณขอร่วมรัฐบาลหรือไม่ นายนราพัฒน์ กล่าวว่า วันนั้นอาจเกิดเหตุการณ์ความเข้าใจผิดคลาดเคลื่อนหลายเรื่อง บางคนก็ออกมาพูดทำนองว่า ไหนๆแล้วมันมีปัญหาและ สว.ก็เป็นอุปสรรค เพราะฉะนั้นถ้าเราแสดงความชัดเจนให้เขาเป็นรัฐบาลไปเลยก็จบ หรือความเข้าใจในเรื่องว่าเป็นมติหรือไม่เป็นมติพรรค หลายคนก็ยังพูดว่ามันไม่เป็นมติ แต่พอโฆษกพรรคไปแถลงว่าเป็นมติ ก็เกิดความสับสน ซึ่งในตอนนั้นท่านรักษาการหัวหน้าพรรคก็บอกว่าไม่เป็นมติ ตนจึงมองว่าเป็นเรื่องความสับสนในระหว่างนั้น เพราะหากเป็นมติก็ต้องไปในทิศทางเดียวกัน
ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า หากหลังวันที่ 9 แล้วนายนราพัฒน์เป็นหัวหน้าพรรค ไม่มีสถานการณ์เปลี่ยนแปลงเสียงฝั่งรัฐบาล จะไม่เห็นพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลใช่หรือไม่ เพราะมีบางกระแสระบุว่าจะขน สส.ไปต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรี นายนราพัฒน์ กล่าวว่า ไม่มีเหตุผลให้ทำเช่นนั้นเลย คนก็พูดได้ แต่ในทางปฏิบัติมันเป็นไปไม่ได้ คงไม่มีรัฐบาลไหนอยากไปแชร์ตำแหน่งรัฐมนตรีให้กับพรรคการเมืองอื่น เขามี 300 กว่าเสียงแล้ว ถ้าเขาเอาเราไปร่วม ต้องไปตัดโควตารัฐมนตรีจากพรรคอื่น แล้วพรรคไหนจะยอม
ในทางปฏิบัติมันเป็นไปไม่ได้ ยกเว้นว่าเขาอยู่กันไม่ได้ เขาทะเลาะกัน เขาจะจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ก็เป็นคนละเรื่อง แต่ถ้าถามว่าในวันนี้ตนมองว่าไม่มีทางเป็นไปได้ ใครจะยอม ตนคิดว่าเป็นไปไม่ได้ 100% ใครจะยอมเฉือนโควต้ารัฐมนตรีให้ประชาธิปัตย์ จะไม่เหลือฝ่ายค้านเลยหรือ ทุกคนจะไปเป็นรัฐบาลหมดเลยหรือ อย่าไปคิดอะไรไกลแบบนั้น อย่าคิดอะไรที่เป็นไปไม่ได้ มันจะเป็นการสร้างกระแสดิสเครดิตกันเปล่าๆ