POLITICS

‘เดียร์ ขัตติยา‘ เสนอญัตติตั้ง กมธ.วิสามัญศึกษาการออกกฎหมายนิรโทษกรรม

‘ขัตติยา‘ เสนอญัตติตั้ง กมธ.วิสามัญ ศึกษาการออกกฎหมายนิรโทษกรรม ร่ำไห้ ในฐานะผู้สูญเสียโดยตรง ยืนยัน ไม่ให้มีการนิรโทษกรรมต่อความผิดที่เกิดแก่ชีวิตโดยเด็ดขาด

วันนี้ (1 ก.พ. 67) ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 14 สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 1 ซึ่งมีนาย วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธาน ณ อาคารรัฐสภา โดย น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ได้เสนอญัตติด่วน เรื่องขอให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม

น.ส. ขัตติยา กล่าวว่า เนื่องจากในปัจจุบัน สังคมไทยมีความขัดแย้งทางความคิดมาหลายปี ทำให้มีนักศึกษา และประชาชน ต้องคดีทางการเมืองเป็นจำนวนมาก ซึ่งแนวทางการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ส่วนหนึ่ง คือ การตรากฎหมายนิรโทษกรรม

อย่างไรก็ตาม กฎหมายนิรโทษกรรมถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองของฝ่ายยึดอำนาจ ที่มานิรโทษให้ตนเอง ผ่านสภาฯ ที่แต่งตั้งขึ้นมา แต่ล่าสุดได้มีการเสนอให้นำกฎหมายนิรโทษกรรม มาพาประเทศกลับสู่สภาวะปกติ ในคดีที่มีปัจจัยทางความผิดเกี่ยวข้องกับการเมือง แต่ปัญหาคือควรมีคดีใดบ้างที่ควรได้รับการนิรโทษกรรม เพื่อนำมาสู่ความสมานฉันท์ปรองดอง และไม่สร้างความขัดแย้งครั้งใหม่ ซึ่งควรมีการศึกษาพิจารณาหลักเกณฑ์ให้เป็นที่ยุตติเสียก่อน จึงจะมีการตราเป็นกฎหมาย

น.ส.ขัตติยา กล่าวต่อว่า โจทย์ของสังคมที่มีอารยะ คือทำให้ผู้คนอยู่กับความขัดแย้งได้ “ขัดแย้ง แต่ไม่ต้องฆ่ากัน หรือทำร้าย ทำลายกัน” ไม่ต้องจำกัดสิทธิเสรีภาพของกันและกัน และไม่ถูกคุกคามให้เกิดความกลัว เพราะมีความคิดเห็นที่แตกต่าง จึงต้องออกแบบสภาพสังคมที่ปลอดภัย ให้พลเมืองสามารถตั้งคำถาม วิพากษ์วิจารณ์อำนาจรัฐได้ โดยไม่ต้องกลัวการถูกเล่นงาน

น.ส.ขัตติยา กล่าวอีกว่า ในความขัดแย้งทางการเมืองหลายระลอก ได้มีผู้ออกมาชุมนุมประท้วง และถูกฟ้องร้องดำเนินคดี ปิดกั้นสิทธิเสรีภาพ ถูกคุมคามเป็นสิ่งที่นักวิชาการเรียกว่า “นิติสงคราม” ส่งผลให้มีประชาชนจำนวนมาก เป็นนักโทษทางการเมือง หรือต้องลี้ภัย

“ในความเห็นของดิฉัน การออกพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม จะเป็นจุดเริ่มต้นของการพาสังคมไทยเดินต่อไปข้างหน้า โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง และสร้างบรรทัดฐานใหม่ ว่าเราทุกคนสามารถทะเลาะ เห็นต่าง และขัดแย้งกันได้ ภายในกรอบกติกา โดยที่ไม่ต้องหวาดกลัว ว่าจะถูกคุกคาม หรือถูกปิดปากด้วยกฏหมายอีกต่อไป” น.ส.ขัตติยากล่าว

น.ส.ขัตติยา ยังระบุว่า เนื่องจากภาคประชาชน และบางพรรคการเมือง ได้ยื่นร่างกฎหมายนิรโทษกรรมของตนเองเข้ามาแล้ว จึงอาจทำให้สังคมตั้งคำถาม ว่าการเสนอตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญนี้ ตั้งใจจะยื้อ ถ่วงเวลา หรือยัดไส้สร้างบรรทัดฐานที่ผิดหรือไม่ โดยขอยืนยัน ว่าการออกกฎหมายนี้ ไม่ได้ทำให้คนไม่เกรงกลัวกฎหมาย แต่เป็นการปลดโซ่ตรวน และทำให้สังคมเห็นว่าความเห็นทางการเมืองไม่ใช่อาชญากรรม

ส่วนข้อสงสัยว่าเป็นการยื้อเวลาหรือไม่นั้น น.ส.ขัตติยา ระบุว่า ต้องตั้งต้นด้วยข้อเท็จจริง ว่าไม่ใช่คนไทยทุกคนที่จะเห็นด้วยกับการออกกฎหมายนิรโทษกรรม เราจึงจำเป็นต้องดำเนินการเรื่องนี้ด้วยความระมัดระวัง และรับฟังเสียงจากกลุ่มคนต่างๆ ให้ครอบคลุมที่สุด

“สำหรับประชาชนที่กังวลว่าจะมีการยัดไส้นิรโทษกรรมให้เจ้าหน้าที่รัฐ หรือผู้ที่กระทำผิดต่อชีวิต ดิฉันในฐานะผู้แทนของประชาชน และเป็นหนึ่งในผู้สูญเสียที่ได้รับผลกระทบโดยตรง จากการกระทำที่รุนแรงของเจ้าหน้าที่รัฐ ดิฉันขอยืนยันในหลักการ ว่าจะไม่ให้มีการนิรโทษกรรมต่อความผิด ที่เกิดแก่ชีวิตโดยเด็ดขาด” น.ส.ขัตติยา กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ และมีอาการเหมือนจะร้องไห้ ในช่วงท้ายของการอภิปราย

Related Posts

Send this to a friend