ศาลรัฐธรรมนูญโดยเสียงข้างมากเห็นว่า การกระทำดังกล่าวของผู้ถูกร้อง เป็นเพียงให้เจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติตามที่กฎหมายกำหนด ส่วนการแสดงพฤติกรรมและการใช้ถ้อยคำของผู้ถูกร้อง คงเป็นเพียงการไม่เห็นด้วยกับการทำหน้าที่ของ พตท.ประเทือง ในฐานะเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรกะรนเท่านั้น สำหรับการกระทำที่ผู้ถูกร้องพูดจาต่อนายกเทศมนตรี และผู้บริหารเทศบาลตำบลกะรน ก็เป็นเพียงการสอบถามข้อมูลและรับฟังข้อชี้แจงจากเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องตามกฎหมายกับการก่อสร้างอาคารชุดดังกล่าว เพื่อให้มีการปฏิบัติหน้าที่ที่กฎหมายกำหนด
จึงยังฟังไม่ได้ว่าผู้ถูกร้องใช้สถานะหรือตำแหน่งการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ก้าวก่ายหรือแทรกแซงเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง ของผู้อื่น หรือของพรรคการเมือง ในการปฏิบัติราชการหรือการดำเนินงานในหน้าที่ประจำของ พตท.ประเทือง นายกเทศมนตรี และผู้บริหารเทศบาลตำบลกะรน ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 115 (1)
อย่างไรก็ดี พฤติกรรมของผู้ถูกร้องในการแสดงท่าทางและการใช้ถ้อยคำต่อพตท.ประเทือง นายกเทศมนตรี และผู้บริหารเทศบาลตำบลกะรน หากบุคคลใดเห็นว่าพฤติกรรมดังกล่าวไม่สุภาพ ไม่เหมาะสมต่อสถานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นสมาชิกรัฐสภา อันเป็นองค์กรที่ใช้อำนาจอธิปไตยองค์กรหนึ่ง บุคคลนั้นย่อมดำเนินการได้ตามที่รัฐธรรมนูญ กฎหมาย ข้อบังคับ ว่าด้วยประมวลจริยธรรมของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและกรรมาธิการ พ.ศ.2563 และมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินและหัวหน้างานธุรการของงศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ พ.ศ.2561 ซึ่งใช้บังคับแก่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรด้วย
หากอาศัยเหตุผลดังกล่าวข้างต้นจึงวินิจฉัยว่า สมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของผู้ถูกร้อง ไม่สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 101 วรรค 7 ประกอบมาตรา 185(1)”