LIFESTYLE

เล่นน้ำสงกรานต์ (ท่ามกลางฝุ่น) อย่างไรให้ปลอดภัย

เล่นน้ำกลางฝุ่นให้ระวังสุขภาพ แนะพ่อแม่ให้เด็กแช่น้ำคลายร้อนในบ้าน-ลดอุบัติเหตุจากการถูกเฉี่ยวชน ป้องกันโรคระบบทางเดินหายใจจาก PM 2.5

การเล่นน้ำกับเทศกาลสงกรานต์ นั้นเป็นประเพณีดั้งเดิม แต่สิ่งที่เพิ่มเติมขึ้นมา คือเรื่องของฝุ่น PM 2.5 งานนี้วัยรุ่นวัยคะนอง จำเป็นต้องเพิ่มความระมัดระวัง ในการเล่นสาดน้ำท่ามกลางฝุ่นพิษ เนื่องจากการจัดงานประเพณีสงกรานต์นั้นอัดอั้นมาหลายปี ดังนั้นในปีนี้องค์กรปกครองส่วนกลาง จึงอนุญาตให้หน่วยงานท้องถิ่น สามารถจัดงานสงกรานต์ได้ทุกตำบล ประกอบกับปัญหาฝุ่นในภาคเหนือ-อีสาน หรือแม้กทม.นั้นก็อยู่ในข่าย ที่ต้องเฝ้าระวังอันตราย จากฝุ่น PM 2.5 ดังนั้นการจัดงานสงกรานต์ในปีนี้ จึงต้องดำเนินไปด้วยความระมัดระวัง โดยเฉพาะวัยหนุ่มสาวที่ต้องเล่นน้ำท่ามกลางฝุ่นพิษ

The Reporters ได้สอบถามไปยัง “ผอ.พรหมมินทร์ กัณธิยะ” ผู้อำนวยการ สำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ ให้ข้อมูลเกี่ยวกับคำเตือน ในการเล่นน้ำสงกรานต์ท่ามกลางฝุ่นพิษ ที่อาจทำให้ทัศนะวิสัยในการมองเห็นไม่ชัดเจน โดยเฉพาะพื้นที่ซึ่งมีปัญหาหมอกควันพิษ ที่บางแห่งแม้จะเริ่มคลี่คลายลงบ้างก็ตาม ประกอบอากาศที่ร้อนระอุ ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะทำให้คนเล่นสาดน้ำในช่วงเย็น ที่เสี่ยงอันตรายและอุบัติเหตุ จากการใช้รถใช้ถนน โดยเฉพาะเด็กเล็กที่ผู้ปกครอง ควรให้ความใส่ใจ ที่สำคัญฝุ่น PM 2.5 ยังก่อให้เกิดโรคปอดที่พบมากที่สุดในช่วงนี้ ตามด้วยโรคมะเร็งปอด หรือแม้แต่กระตุ้นโรคหอบหืด และโรคภูมิแพ้ได้เช่นเดียวกัน

ผอ.พรหมมินทร์ กล่าวว่า “อันที่จริงแล้วการเล่นน้ำช่วงสงกรานต์ เรื่องที่น่าเป็นห่วงมากที่สุดนั้น คือปัจจัยด้านความร้อนของอากาศ ดังนั้นหากว่าจะเล่นสาดน้ำ ก็ต้องเตรียมร่างกายให้พร้อม ด้วยการดื่มน้ำบ่อยๆ พักผ่อนให้เพียงพอ และจำเป็นต้องแต่งกายให้รัดกุม และที่น่ากังวลไม่แพ้กันคือ เนื่องจากช่วงนี้อากาศร้อนจัด ดังนั้นจึงมีแนวโน้มว่าประชาชน อาจจะเล่นน้ำในช่วงเย็น ที่เสี่ยงต่อการมองเห็นไม่ชัดเจน ประกอบกับเด็กสวมใส่เสื้อผ้าที่เปียกชื้น จึงเลี่ยงทั้งการได้รับอุบัติเหตุถูกเฉี่ยวชน หากเล่นน้ำริมถนน หรือ เลี่ยงต่อการลื่นหกล้มด้วยเช่นกัน ประกอบกับหลายพื้นที่ยังมีปัญหาเรื่องฝุ่น PM 2.5 ดังนั้นถ้าในพื้นที่ไหน ยังมีกลุ่มหมอกควันพิษปกคลุมอยู่ ก็อยากให้หยุดเล่น”

“ที่สำคัญผู้ปกครองก็ต้องดูถึงความเหมาะสม ในการให้ลูกหลานเล่นน้ำสงกรานต์ เนื่องจากฝุ่นเยอะ แม้ว่าบางพื้นที่จะคลี่คลายลงแล้วบ้างก็ตาม ดังนั้นถ้าประเมินแล้วว่า อาจก่อให้เกิดอันตรายกับเด็ก หรือทั่วบริเวณมีหมอกควันพิษลงจัดอยู่ตลอดเวลา ก็ควรเลี่ยงให้เด็กทำกิจกรรมกลางแจ้ง เพราะนอกจากเสี่ยงในเรื่องการมองเห็น ที่น้อยลงแล้ว ฝุ่น PM 2.5 ที่มีอนุภาคขนาดเล็ก ก็ยังส่งผลต่อสุขภาพของเด็ก และถ้าหายใจและสูดเข้าไปสะสมที่ปอด ในปริมาณที่มาก ปอดก็จะผลิตเยื้อเมือกออกมา เพื่อไปดักจับฝุ่น และถูกขับออกมาเป็นเสลด น้ำลาย หรือน้ำมูก แต่ถ้าหากฝุ่นสะสมในปอดปริมาณที่มาก ก็จะทำให้กระตุ้นโรคภูมิแพ้ หอบหืด และโรคปอดที่พบมากในตอนนี้ และถ้าสะสมมากขึ้นไปอีก ก็จะทำให้ปอดอักเสบ และเป็นโรคมะเร็งปอดได้ โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัว หรือมีประวัติครอบครัว ป่วยเป็นโรคมะเร็งอยู่ก่อนแล้ว ฝุ่น PM 2.5 ก็เป็นตัวกระตุ้นโรคได้ดี”

“เนื่องจากปัญหาฝุ่น PM 2.5 เป็นเรื่องที่ควบคุมได้ยาก หรือบางคนที่ไม่รู้ว่ามีพื้นที่ไหน ที่ปลอดภัยจากฝุ่นพิษจริงๆ ก็แนะนำให้เลี่ยงการเล่นน้ำ หรือทำกิจกรรมกลางแจ้งจะดีที่สุด หรือถ้ารู้ว่าพื้นที่จังหวัดอื่นๆปลอดภัย จากหมอกควันพิษเช่น มีญาติพี่น้องอยู่ในจังหวัดนั้นๆ ก็สามารถไปเล่นน้ำได้ แต่ครอบครัวที่ไม่สามารถอพยพออกนอกพื้นที่ได้ ก็แนะนำให้ปิดบ้าน และให้เด็กเล่นน้ำคลายร้อนในบ้านแทนการสาดน้ำข้างนอก เช่น ให้เด็กแช่น้ำในถัง หรือ ตักน้ำในถังสาดเล่นกัน โดยมีพ่อแม่คอยดู หรือเด็กอยู่ในสายตาผู้ใหญ่ ก็ดีกว่าให้เด็กออกไปเล่นน้ำข้างนอก ที่ค่อนข้างอันตรายในช่วงนี้”

“ทั้งนี้จากประสบการณ์คาดว่าปีนี้ มีหลายปัจจัยเสริม ที่อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุทางถนนเพิ่มขึ้น และมีความรุนแรงมากขึ้นเช่นเดียวกัน เนื่องจากช่วงที่ผ่านมานั้น การจัดงานสงกรานต์อัดอั้น เพราะไม่สามารถจัดได้ ดังนั้นจึงทำให้ปีนี้ประชาชน มีการเดินทางและใช้ท้องถนนมากขึ้น รวมถึงมีนักท่องเที่ยวจากต่างชาติ เข้ามาเที่ยวเป็นจำนวนมาก อีกทั้งภาคธุรกิจก็ต้องการขยับการซื้อขายมากขึ้น ประกอบกับหน่วยงานปกครองส่วนกลาง ก็อนุญาตให้หน่วยงานท้องถิ่น จัดงานสงกรานต์ได้ทุกตำบล และก็ได้การตอบรับที่ดีจากทั่วประเทศเช่นกัน”

“เมื่อมีการจัดงานสงกรานต์ขึ้น ก็จะมีการฉลองและต้องมีการดื่มสุรา ประกอบกับอยู่ในจังหวัดของการเลือกตั้ง และหาคะแนนเสียง นั่นจึงทำให้เกิดการเดินทางมากกว่าปกติ เมื่อทุกอย่างมารวมกัน ก็อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุ และอุบัติภัยบนท้องถนนมากขึ้นกัน ดังนั้นจึงเป็นห่วงเด็กและเยาวชนในช่วงสงกรานต์ และสิ่งที่อยากฝากไปยังพ่อแม่ผู้ปกครองนั้น เมื่อเยาวชนมีการดื่มสุราในช่วงวันปีใหม่ไทย ก็มักจะตามมาด้วยการสูบกัญชา เพราะมีราคาถูกและหาได้ง่ายในชุมชน ซึ่งมักจะอยู่ในรูปแบบของบุหรี่มวนเดียวและแบ่งกันสูบ และเมื่อทั้งดื่มสุราหรือเบียร์ ตามด้วยการสูบกัญชาแล้ว ก็มักจะทำให้เด็กมีอาการหลอน ตาลาบ ควบคุมตัวเองไม่ได้ นำไปสู่การขับขี่รถยนต์ จักรยานยนต์และเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย ประกอบกับช่วงอากาศร้อน ดังนั้นถ้าเกิดอุบัติก็จะทำให้โอกาสรอดชีวิตได้น้อย ก็อยากฝากเรื่องนี้ไว้เช่นกันครับ”

Related Posts

Send this to a friend