LIFESTYLE

เทคนิค 3 ข้อ ช่วยเลือกของขวัญวันแม่ตรงใจ ไอเดียน่ารู้ช่วยผู้รับประทับใจ-ผู้ให้รู้สึกดี

มีคำแนะนำดีๆมาฝากหลายคน ที่ยังตัดสินใจไม่ได้ว่า จะเลือกของขวัญวันแม่อะไรให้กับท่าน เพราะปัจจุบันมีสินค้ามากมายให้เลือก และแน่นอนว่าสิ่งของบางชิ้นที่ลูกหลานมอบให้ ก็อาจจะยังไม่ได้ใช้และใกล้หมดอายุ ส่วนหนึ่งเพราะคุณแม่เสียดายจึงเก็บไว้ก่อน หรือของขวัญที่ได้อาจจะยังไม่ตรงกับความชอบ และความจำเป็นในการใช้งานเป็นต้น เพื่อเป็นการอัปเดตเทรนด์ของขวัญวันแม่ปีนี้ และหาข้อสรุปว่า 3 อันดับของกำนัล ที่ได้รับความนิยมก่อนหน้านี้ เช่น เงิน พวงมาลัย และเครื่องดื่มบำรุงร่างกาย ยังคงได้รับความนิยม ที่ควรจะซื้อเพื่อมอบให้คุณแม่อยู่หรือไม่นั้น

The Reporters ได้สอบถามไปยัง “ผศ.ดร.ธีรพันธ์ โล่ห์ทองคำ” นักกลยุทธ์การตลาด ให้คำแนะนำในการเลือกของขวัญวันแม่ ด้วยเทคนิค 3 ประการ ที่ช่วยให้ผู้รับรู้สึกดีและใช้ของขวัญ ที่ลูกให้ในชีวิตประจำวันได้อย่างมีความสุข ขณะที่ผู้ให้นั้นก็รู้สึกประทับใจ กับความปรารถนาดีในสิ่งที่ให้แม่ รวมถึงการจัดสรรงบประมาณในการซื้อของขวัญให้แม่ ที่อยู่ในขอบเขตและอยู่ในโปรโมชั่น ที่สามารถจับจ่ายได้อย่างคุ้มค่า ส่วนหนึ่งเพื่อช่วยบริหารความสัมพันธ์กับบิดามารดา และบริหารการเงินที่ดีของลูกหลานไปพร้อมๆกัน เพราะไม่ว่าจะเป็นของขวัญชิ้นเล็กหรือใหญ่ คุณแม่ก็ล้วนประทับใจ สิ่งที่ลูกมอบให้อยู่ไม่เสื่อมคลาย

ผศ.ดร.ธีรพันธ์ กล่าวว่า “การตัดสินใจว่าจะเลือกของขวัญให้แม่ ในวันแม่แห่งชาตินั้น และบอกได้ถึงเทรนด์ของขวัญที่มาแรงในปีนี้ แนะนำว่าให้ใช้หลัก 3 ประการ คือ 1.พิจารณาจากปัญหาของแม่ เช่น ถ้าแม่มีปัญหาเรื่องสุขภาพ ก็ควรซื้อของขวัญวันแม่ ที่ช่วยแก้ปัญหาสุขภาพของท่าน เป็นต้นว่าหากแม่ปวดเมื่อยเท้า ดังนั้นของขวัญที่ดีให้ยึดที่สุขภาพเป็นหลัก เช่น ซื้อ “เครื่องนวดเท้า” , “ถุงเท้าเจล” ที่ช่วยให้นุ่มสบายเท้า คล้ายๆกับการสปาเท้า หรือ “คอร์สสำหรับนวดตัวจากสมุนไพร” รวมถึง “กลุ่มเครื่องหอมอโรมา” ต่างๆ เพื่อสร้างความผ่อนคลาย หรือหากคุณแม่มีปัญหาเรื่องสายตา เช่น ผู้สูงอายุมักจะสายตายาว แต่ท่านไม่กล้าซื้อแว่นตาเองเพราะเสียดายเงิน ก็แนะนำว่าให้ลูกตัด “แว่นสายตายาว” ให้ท่าน เพื่อเป็นของขวัญวันแม่ที่สามารถใส่ได้จริง หรือหากท่านมีปัญหาเรื่องการฟังที่ไม่ชัดเจน ก็สามารถพาท่านไปตรวจสุขภาพหู และซื้อ “เครื่องช่วยฟัง” เพื่อให้ได้ยิน เป็นต้น

2.พิจารณาจากไลฟ์สไตล์ หรือวิถีชีวิตของแม่ เช่น ชอบเที่ยวและมีความสุข จากการไปเที่ยวต่างจังหวัด เช่น ทะเล ภูเขา ดังนั้นแนะว่าให้ลูกๆซื้อ “แพ็คเกจทัวร์” ให้คุณแม่ หรือหากแม่เป็นคนที่ชอบอยู่บ้านและไม่ชอบเที่ยว ก็สามารถเช็คดูว่าของใช้ในบ้านของเราชิ้นไหน ที่จำเป็นและยังขาดอยู่ หรือควรได้รับการเปลี่ยนชิ้นใหม่ เช่น ตู้เย็นเก่าแล้ว ก็สามารถซื้อตู้เย็นอันใหม่ให้แม่ หรือถ้าแม่ไม่ชอบให้ซื้อของแต่ชอบสะสมเงิน ลูกหลานก็สามารถให้เงินกับท่านได้ 3.หากแม่เป็นคนที่ชอบแต่งตัว หรือมีความรักสวยรักงาม ลูกๆก็สามารถมอบ “แพ็กเกจสปานวดตัว-นวดหน้า” หรือ “เครื่องสำอาง” ที่ท่านชอบ ก็จะทำให้แม่คิดถึงลูกๆ เวลาที่หยิบของขวัญเหล่านี้มาใช้ โดยสรุปการซื้อของขวัญแม่ที่ดี คือให้ยึดหลัก 3 ประการดังกล่าว

“นอกจากที่กล่าวมาหากคุณแม่ เป็นคนที่ค่อนข้างใส่ใจเรื่องสุขภาพ โดยเฉพาะการป้องกันโรคโควิด-19 ที่ปัจจุบันเรายังต้องตระหนักเกี่ยวกับโรคนี้ และยังจำเป็นต้องใส่หน้ากากอนามัยกันอยู่ ดังนั้นการซื้อหน้ากากอานามัย ที่เพิ่มความพิเศษลงไปเล็กๆน้อยๆ เช่น หน้ากากอนามัยที่ทำจากผ้าไหม ที่สามารถใส่มิกซ์แอนด์แมทซ์ กับแฟชั่นชุดผ้าไหมที่คุณแม่มี ก็ยิ่งทำให้ท่านรู้สึกปรีติยินดี จากความใส่ใจของลูกหลาน เพราะท่านสามารถสวมใส่ได้จริง และทำให้บุคลิกดูดีขึ้น จากหน้ากากอนามัยที่ป้องกันโควิด-19 และเข้าชุดผ้าไหมได้อย่างสวยงามครับ”

“โดยส่วนตัวอาจารย์มองว่า ของขวัญวันแม่เช่น พวงมาลัยดอกมะลิ หรือ การ์ดวันแม่ที่ลูกๆทำให้นั้น ก็เป็นสิ่งที่ยังไม่เชย เพียงแต่ว่าลูกๆควรที่จะพลิกแพลง เพื่อให้พวงมาลัยไหว้แม่นั้น ดูมีสไตล์ขึ้นมาเล็กน้อยเพื่อสร้างความประทับใจให้แม่ เช่น แทนที่จะซื้อพวงมาลัยสดให้แม่ ก็สามารถนำเงินสดไปดีไซน์ หรือพับให้เป็นพวงมาลัยไหว้แม่ ก็จะทำให้แม่รู้สึกดีมากยิ่งขึ้น ถึงความพิเศษของพวงมาลัยไหว้แม่ปีนี้ หรือแทนที่จะเขียนการ์ดวันแม่ให้แม่อย่างเดียว ก็สามารถแนบไปพร้อมกับกิ๊ฟวอยเชอร์ หรือบัตรกำนัล ที่สามารถใช้ซื้อของในห้างสรรพสินค้าต่างๆ เพื่อให้ท่านไปซื้อของใช้ในสิ่งที่ต้องการ ก็จะทำให้การ์ดอวยพรวันแม่ เป็นสิ่งที่ถูกใจแม่มากเช่นกันเดียวกัน แต่ทั้งนี้ลูกหลานจำเป็นต้องบอก ถึงวันหมดอายุของบัตรกำนัลดังกล่าว เพราะผู้สูงอายุบางครั้ง จะไม่ค่อยกล้าใช้กระทั่งปล่อยให้หมดอายุ ทั้งนี้เมื่อมีวันหมดอายุ ท่านก็จะกล้านำไปซื้อของที่อยากได้ โดยไม่ต้องเกรงใจลูกหลานมากเกินไป เพราะหากปล่อยให้หมดเขตเวลาใช้ อาจจะเสียเงินของลูกหลานไปโดยใช่เหตุ เป็นต้น ครับ ”

ตั้งงบประมาณให้เหมาะกับช่วงวัย เทคนิคช่วยลูกหลานซื้อของขวัญวันแม่ ได้ของดีราคามิตรภาพ

“งบประมาณในการซื้อของขวัญแม่แค่ไหน ถึงจะพอดีและสมเหตุผลนั้น อันดับแรกต้องพิจารณาว่า ลูกหลานอยู่ในวัยไหน เช่น หากเป็นวัยทำงาน ที่พึ่งเริ่มทำงานนั้น ก็ควรตระหนักถึงกำลังซื้อของเราว่าทำได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งปกติจะมีรูปแบบการจ่าย 2 วิธีคือ เงินสด และจ่ายแบบผ่อนชำระ ซึ่งถ้าคนวัยเริ่มทำงาน ต้องการซื้อของขวัญให้แม่แบบผ่อนชำระ ก็ต้องดูว่าจะไม่ถูกชาร์ตเงินเพิ่ม ในระบบของการผ่อนเป็นรายงวด เนื่องจากมีหลายธุรกิจที่มีการติดตั้งระบบผ่อนชำระ และบอกรายละเอียดในประเด็นดังกล่าวไม่ชัดเจน พูดง่ายๆว่าต้องจ่ายดอกเบี้ยแพง ดังนั้นจึงเป็นต้องศึกษาให้ดี ในระบบของการผ่อนชำระแต่ละประเภท”

“หรือหากต้องการผ่อนชำระเป็นรายงวด ก็จำเป็นต้องจะต้องเลือกดูว่าช่วงนั้น มีโปรโมชั่นลดแลกแจกแถมอะไรบ้าง เพื่อทำให้เราได้ในสินค้าที่มีราคาถูกลง อีกทั้งไม่ถูกชาร์ตเงินเพิ่ม หรือพิจารณาเลือกผ่อนชำระ ด้วยบัตรเครดิตที่ให้ความคุ้มค่า หรือได้รับแต้มสะสมในการซื้อสินค้า เพื่อช่วยให้ซื้อสินค้าได้ถูกลงเช่นกัน ซึ่งดีกว่าการรูดเงินสดจากบัตรเครดิตมาซื้อของ เพราะต้องเสียดอกเบี้ยให้กับบัตรเครดิตต่างๆ ที่สำคัญต้องอยู่ในงบประมาณ ที่เราสามารถจ่ายได้ เพราะไม่อย่างนั้นแทนที่แม่จะรู้สึกดี ที่ลูกให้ของขวัญราคาแพง ตรงกันข้ามท่านอาจรู้สึกเป็นห่วง ในการใช้จ่ายเงินของลูก เป็นต้น ส่วนคนวัยทำงานที่เข้าสู่วัยใกล้เกษียณนั้น ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยน่าเป็นกังวล เพราะคนวัยนี้มีงบจับจ่ายเพียงพอประมาณหนึ่ง ก็สามารถใช้สอยเพื่อของของขวัญวันแม่ในราคาที่สูงได้”

แม้ของขวัญวันแม่อาจจะไม่สามารถ ระบุได้ตายตัวว่าชิ้นไหนฮิตที่สุด แต่สิ่งสำคัญควรอยู่ภายใต้เทคนิค 3 ข้อ เพื่อช่วยให้เลือกซื้อของได้ตรงใจคุณแม่ และสร้างความภูมิใจให้กับลูกหลาน…จริงไหมคะ

Related Posts

Send this to a friend