INVESTMENT

เซ็นทรัลพัฒนา เผย ผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 66 โต 39% กำไรสุทธิ 3,246 ล้านบาท

บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) รายงานผลประกอบการ ไตรมาสที่ 1 ปี 2566 ธุรกิจเติบโตแข็งแกร่ง โดยมีรายได้รวม 10,291 ล้านบาท โต 27% จากปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 3,246 ล้านบาท โต 39% จากปีก่อน พร้อมเผยวิสัยทัศน์และกลยุทธ์ธุรกิจ 5 ปี เน้นพัฒนาโมเดลธุรกิจแห่งอนาคตเป็น ‘The Ecosystem for All’ ด้วยการทำงานร่วมกันทุกธุรกิจ โดยมี Retail เป็นหัวใจหลัก เชื่อมโยงกับธุรกิจที่อยู่อาศัย อาคารสำนักงาน และโรงแรม สร้างความแข็งแกร่งให้ธุรกิจทั้งระบบ พร้อมตอบโจทย์การใช้ชีวิตของทุกคน และขยายไปสู่ธุรกิจสินทรัพย์ใหม่อื่นๆ ที่จะสร้างอนาคตแห่งการใช้ชีวิตที่ดียิ่งขึ้น ควบคู่ไปกับการดูแลสังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

นางสาวนภารัตน์ ศรีวรรณวิทย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงิน บัญชี และบริหารความเสี่ยงของเซ็นทรัลพัฒนา กล่าวว่า “ผลประกอบการของบริษัทฯ ฟื้นตัวอย่างก้าวกระโดดในปี 2565 และดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะธุรกิจศูนย์การค้า ซึ่งมีรายได้ฟื้นตัวมากกว่าช่วงก่อนโควิดแล้ว โดยในไตรมาสที่ 1 ปี 2566 บริษัทฯ มีรายได้รวม 10,291 ล้านบาท โต 27% จากปีก่อน และกำไรสุทธิ 3,246 ล้านบาท โต 39% จากปีก่อน และยังเดินหน้าตามแผนเปิดโรงแรมใหม่ 1 แห่ง ได้แก่ Centara Ubon และคอมมูนิตี้มอลล์ Marché Thonglor ในเดือนมีนาคม 66 รวมทั้งประกาศวิสัยทัศน์และกลยุทธ์ธุรกิจ”

“โดยเน้นการพัฒนาโมเดลธุรกิจแห่งอนาคต ให้เป็น ‘The Ecosystem for All’ ด้วยการ Synergy ทุกธุรกิจได้แก่ ศูนย์การค้า-ธุรกิจที่อยู่อาศัย-อาคารสำนักงาน-โรงแรม เชื่อมโยงถึงกันแบบ Seamless Synergy และยังเชื่อมต่อไปสู่พันธมิตรธุรกิจ ผู้คน ชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม เพื่อพัฒนาธุรกิจให้เป็น 360-Degree Centre of Life ศูนย์กลางการใช้ชีวิตที่ตอบโจทย์ครบทุกองศา ทั้ง shop-eat-work-play-stay-live ทั้ง Offline & Online ตลอด 24 ชั่วโมง 365 วัน ทุกที่ทั่วประเทศ พร้อมทั้งขยายการลงทุนไปสู่ธุรกิจใหม่ๆ ที่จะเสริมความแข็งแกร่ง ให้กับธุรกิจศูนย์การค้าซึ่งเป็นธุรกิจหลัก เพื่อสร้างอนาคตแห่งการใช้ชีวิต ควบคู่ไปกับการดูแลสังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน”

ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2566 เซ็นทรัลพัฒนา มีศูนย์การค้าภายใต้การบริหารงาน ทั้งหมด 39 โครงการ (ศูนย์การค้าเซ็นทรัล 37 แห่ง ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล 15 โครงการ ต่างจังหวัด 21 โครงการ และในมาเลเซีย 1 โครงการ,ศูนย์การค้าเอสพละนาด 1 แห่ง และศูนย์การค้าเมกะ บางนา ภายใต้กิจการร่วมค้าอีก 1 แห่ง) คอมมูนิตี้ มอลล์ 17 โครงการ มีพื้นที่ให้เช่าสุทธิรวม 2.3 ล้านตารางเมตร นอกจากนี้ยังบริหารศูนย์อาหาร 33 แห่ง อาคารสำนักงาน 10 อาคาร โรงแรม 5 แห่ง โครงการที่พักอาศัย 28 โครงการ

สำหรับโครงการใหม่ที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง และเตรียมเปิดในปี 2566-2567 ได้แก่ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เวสต์วิลล์ (กำหนดเปิด 27 ต.ค. 66) เซ็นทรัล นครสวรรค์ (Q1/2567) เซ็นทรัล นครปฐม (Q2/2567) เซ็นทรัล กระบี่ (Q4/2567) และโครงการอื่นๆ ที่เตรียมเปิดในปีนี้ ได้แก่ โรงแรม Centara Ayutthaya โรงแรม Centara One Rayong โรงแรม GO! Hotel อยู่ติดกับเซ็นทรัล ศรีราชา และเซ็นทรัล ชลบุรี และโครงการที่อยู่อาศัย 7 โครงการ (NIRATI นครศรีธรรมราช บ้านเดี่ยวแบรนด์ใหม่ 3 โครงการ และคอนโดมิเนียม ESCENT 3 โครงการ) นอกจากนี้ยังมีโครงการ Mega Mixed-use “ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค” big project ที่ร่วมพัฒนากับบริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) โดยจะทยอยเปิดให้บริการในปี 2567 เป็นต้นไป

“สำหรับทิศทางธุรกิจในระยะ 5 ปี (ปี 2566-2570) บริษัทฯ เดินหน้าลงทุนพัฒนาโครงการใหม่ ทั้งที่ประกาศไปแล้ว และยังไม่ได้ประกาศ ซึ่งมีทั้งโครงการอสังหาริมทรัพย์แบบผสม (Mixed-use Development) โครงการที่พักอาศัย รวมถึงแผนการปรับปรุงสินทรัพย์ ที่มีอยู่ในปัจจุบันเพื่อเพิ่มมูลค่า รวมทั้งบริหารจัดการค่าใช้จ่าย และลดต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาสภาพคล่องทางการเงิน เพื่อเตรียมพร้อมกับสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน รวมทั้งยังคงศึกษาโอกาสการลงทุนธุรกิจในรูปแบบอื่น และการลงทุนในต่างประเทศ ในแถบภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาทิ มาเลเซีย และเวียดนาม รวมถึงศึกษาโอกาสการลงทุนในธุรกิจใหม่ ที่มีศักยภาพการเติบโตสูง เพื่อขยายช่องทางในการสร้างรายได้ใหม่ และสอดคล้องกับแผนการเติบโต ตามเป้าหมายในอนาคตอย่างมั่นคงและยั่งยืน”

นอกจากนี้ในด้านของกองทรัสต์ CPNREIT ซึ่งเซ็นทรัลพัฒนา ในฐานะผู้สนับสนุน (Sponsor) ผู้ถือหน่วยทรัสต์รายใหญ่ และผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์ ยังคงให้ความสำคัญและสนับสนุน CPNREIT อย่างเต็มที่ เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีและมั่นคงแก่ CPNREIT และผู้ถือหน่วยทรัสต์ ทั้งในแง่การบริหารทรัพย์สิน การดูแลให้มีการปรับปรุง และพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และมุ่งสนับสนุนการสร้างการเติบโตของ CPNREIT อย่างมั่นคงทั้งด้านรายได้ และขนาดของทรัพย์สิน

รวมถึงการสนับสนุนการจัดโครงสร้าง การลงทุนของ CPNREIT ให้มีการระดมทุนอย่างเหมาะสม สำหรับการเข้าลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติม โดยผลประกอบการของ CPNREIT ในไตรมาสที่ 1 ปี 2566 เติบโตต่อเนื่องในทิศทางเดียวกับบริษัทฯ โดยมีรายได้รวม 1,424 ล้านบาท โต 28% จากปีก่อน และกำไรสุทธิ 1,149 ล้านบาท โต 28% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และประกาศจ่ายเงิน ให้ผู้ถือหน่วยทรัสต์จำนวน 0.3220 บาทต่อหน่วย ปัจจุบันผู้จัดการกองทรัสต์ CPNREIT เตรียมเดินหน้าการต่อสัญญาสิทธิ การเช่าโครงการเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า และการปรับโครงสร้างการจ่ายชำระค่าตอบแทน การต่อสิทธิการเช่าโครงการเซ็นทรัลพระราม 2 ซึ่งจะดำเนินการนำเสนอรายละเอียด ต่อผู้ถือหน่วยทรัสต์ เพื่อพิจารณาขออนุมัติในไตรมาส 2 ของปี 2566 นี้

Related Posts

Send this to a friend