HUMANITY

‘มึนอ‘ เผยอยากรู้ความจริงบิลลี่หายไปไหนจนถึงตอนนี้ยังไม่ได้คำตอบ

‘มึนอ‘ เผยอยากรู้ความจริงบิลลี่หายไปไหนจนถึงตอนนี้ยังไม่ได้คำตอบ ด้านทนายความขอเวลาอ่านคำพิพากษาโดยละเอียดก่อนยื่นอุทธรณ์ ยอมรับทำใจไม่ได้ “วันหนึ่งบอกหาย วันหนึ่งบอกตาย วันนี้มีคำสั่งไม่ใช่บิลลี่” หลังศาลชี้ DNA ในกระดูกไม่ชัดว่าเป็นบิลลี่หรือไม่

วันนี้ (28 ก.ย. 66) ภายหลังศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง มีคำพิพากษาจำคุก นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เป็นเวลา 3 ปี ฐานละเว้นการปฎิบัติหน้าที่ กรณีหายตัวไปของบิลลี่ พอละจี รักจงเจริญ นักปกป้องสิทธิมนุษยชนชาวกะเหรี่ยงบางกลอย ส่วนข้อหาฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน การอำพรางศพ ศาลยกฟ้อง เนื่องจากพยานหลักฐานไม่เพียงพอ ส่วนลูกน้องอีก 3 คนของนายชัยวัฒน์ ศาลพิพากษายกฟ้อง

นางสาวพรเพ็ญ คงขจรเกียรติ ผู้อำนวยการมูลนิธิผสานวัฒนธรรม ในฐานะทนายความ เปิดเผยว่าศาลสั่งลงโทษจำเลยที่ 1 นายชัยวัฒน์ ข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ จับกุมตัวบิลลี่ พอละจี รักจงเจริญ พร้อมน้ำผึ้งป่า โดยไม่นำตัวส่งพนักงานสอบสวน ถือเป็นการทำผิดกฎหมายบ้านเมือง และกฎหมายอุทยานฯ ศาลจึงมีคำสั่งจำคุก 3 ปี ไม่รอลงอาญา ส่วนข้อหาอื่น ๆ ที่มีการควบคุมตัว กักขัง หน่วงเหนี่ยวทำให้เสียชีวิต เจตนาฆ่า อำพรางศพ ศาลยกฟ้อง จำเลยทั้งสี่

สำหรับแนวทางในการสู้คดี จะต้องมีการพูดคุยกันเรื่องการอุทธรณ์ แต่ต้องเอาคำพิพากษามาอ่านโดยละเอียดก่อน ส่วนการแสวงหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม ต้องหารือกับพนักงานอัยการ และกรมสอบสวนคดีพิเศษด้วย โดยปัจจุบันนี้ตามคำสั่งของศาลบิลลี่ยังเป็นบุคคลที่ทางเจ้าหน้าที่รัฐถูกกระทำให้สูญหาย ตั้งแต่ 17 เม.ย.2557 เป็นการกระทำความผิดตามกฎหมายอาญา กฎหมายระหว่างประเทศ และทำให้เกิดความเสียหายกับชุมชน และครอบครัว

นางสาวพรเพ็ญ กล่าวต่อว่าปัจจุบันทุกอย่างกลับไปอยู่ที่เดิม บิลลี่เป็นบุคคลสูญหาย เจ้าหน้าที่รัฐเป็นผู้พบ และจับกุมบิลลี่เป็นคนสุดท้าย แต่ปัจจุบันศาลไม่เชื่อว่าบิลลี่เสียชีวิตแล้ว ดังนั้นรัฐบาล และรัฐทุกฝ่ายต้องรับผิดชอบต่อครอบครัว และชุมชน ต้องตอบคำถามว่า “บิลลี่หายไปไหน”

เราเป็นชาวบ้าน เราเป็นทนายโจทก์ร่วม ต้องมอบความไว้วางใจให้กับเจ้าหน้าที่รัฐที่มีทุกอย่างอยู่ในมือ มีอำนาจหน้าที่ต่อเจ้าหน้าที่รัฐด้วยกันเอง ซึ่งเป็นผู้กระทำความผิดต่อประชาชน แม้ศาลจะเชื่อว่ามีความผิดเพียงเล็กน้อย “ละเว้นปฏิบัติหน้าที่” แต่ผลลัพธ์ยิ่งใหญ่มาก

ทั้งนี้ประเด็น DNA ที่ตรวจพบในชิ้นส่วนกระดูกซึ่งในชั้นกรมสอบสวนคดีพิเศษระบุว่ามี DNA ตรงกับญาติ แต่ในชั้นศาล ระบุว่าไม่ตรงกับญาติ เรื่องนี้เป็นผลกระทบทางด้านจิตใจของญาติ เราไม่สามารถทำใจได้ วันหนึ่งบอกว่าหาย วันหนึ่งบอกว่าตาย และวันนี้มีคำสั่งว่าไม่ใช่บิลลี่ เป็นความรู้สึกที่เราต้องบันทึกไว้ การที่ญาติของบุคคลสูญหายจะต้องมาเผชิญกับความรู้สึกเช่นนี้ ไม่มีใครรับผิดชอบต่อการหายไป เจ้าหน้าที่รัฐที่ตกเป็นจำเลยยังปฏิบัติหน้าที่อยู่ไม่ได้แตกต่างไปจากวันเกิดเหตุ

“อาชญากรมีอยู่ทั่วไป แต่อาชญากรมีอำนาจหน้าที่ มากและสามารถปกปิดหลักฐานได้ เราทำได้เท่านี้ก็เป็นความพยายามของญาติที่สุดแล้ว”

นางสาวพิณนภา พฤกษาพรรณ หรือ มึนอ ภรรยาบิลลี่ เปิดเผยเพียงสั้น ๆ ว่า “อยากจะรู้ข้อเท็จจริงว่าบิลลี่หายไปไหน ตั้แต่ปี 57 จนถึงวันนี้ยังไม่มีคำตอบ”

นายปรีดา นาคผิว ทนายความ กล่าวถึงพ่วงเวลาในการอุทธรณ์ว่า ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจศาลคาดว่าภายใน 1 เดือนนี้จะขอขยายระยะเวลา เพราะมีข้อเท็จจริง และข้อกฎหมายหลายประการที่เป็นข้อโต้แย้งกับศาลชั้นต้นอยู่ ครอบครัวของบิลลี่มองว่ารัฐมีหน้าที่ปกป้องคุ้มครองชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน เป็นภาระหน้าที่โดยชอบตามรัฐธรรมนูญ ต้องหยิบยกให้ศาลสูงเห็นว่า เมื่อนำตัวบุคคลไปแล้วอยู่ภายใต้การควบคุมดูแล ก็เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ที่ต้องชี้แจงว่าได้ปล่อยตัวบิลลี่ไปแล้วหรือไม่

Related Posts

Send this to a friend