วิกฤตผู้ลี้ภัยเวเนซุเอลา ต่างจากสถานการณ์สงครามอื่นๆ เพราะการอพยพของชาวเวเนซุเอลาไม่ได้มาจากความรุนแรงด้วยอาวุธ แต่มาจากความล่มสลายของระบบเศรษฐกิจและโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะโรงพยาบาล ทำให้ต้องลี้ภัยมาเพื่อรักษาชีวิต เช่นโรคมะเร็ง การช่วยเหลือของ UNHCR ที่โคลอมเบีย จึงต่างจากที่ต่างๆ ซึ่งสำคัญคือการสร้างความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับผู้ลี้ภัยและการณรงค์ลดความเกลียดกลัวผู้อพยพเพื่อให้โอกาสการอยู่ร่วมกันกับสังคมใหม่
“หากต้องการไก่ 1 กิโลกรัม สามีของ ฮิมาดี ต้องทำงาน 1 สัปดาห์ จากเดิมไก่ราคากิโลกรัมละ 1 โบลิวาร์ แพงขึ้นถึงกิโลกรัมละ 1 แสนโบลิวาร์ หรือ 12 บาทไทย การต้องทำงานแลกอาหารมา 1 ปี โดยที่ 3 ปีพวกเขาไม่เคยได้ซื้อเสื้อผ้าใหม่เลยนั้น เป็นความทุกข์ทรมาน ที่ฮิมาดี และ ไฮโดร สามีตัดสินใจพาลูก 4 คนออกจากเวเนซุเอลามาที่โคลอมเบีย”
นอกจากการไม่มีเงินและอาหารแล้ว สิ่งที่ฮิมาดี เจ็บปวดมาก คือไม่มีหมอและโรงพยาบาลในการรักษาลูกชายวัย 3 ขวบที่ป่วยเป็นโรคไขข้อกระดูกที่เสี่ยงจะพิการที่ขา และลูกสาวของเธอที่กำลังตั้งครรภ์ จะคลอดในอีก 2 สัปดาห์ เธอต้องใช้เงิน 1 พันดอลล่าร์สหรัฐ หรือกว่า 20 ล้านโบลิวาร์ในการทำคลอด เธอจึงหนีออกจากเวเนซุเอลา มาที่เมืองริโอฮาชา ประเทศโคลอมเบีย เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ต้องนอนบนถนน 4 คืนก่อนที่เพื่อนจะแนะนำให้มาที่ศูนย์ช่วยเหลือผู้ลี้ภัยและผู้อพยพของ UNHCR เพราะมีทั้งที่นอน อาหาร และสถานที่ฝึกอาชีพให้กับพวกเขา
แม้ตามหลักเกณฑ์จะอยู่ได้เพียง 5 วันเพื่อให้โอกาสผู้อื่นได้เข้ามาพักเพื่อความปลอดภัย แต่สำหรับครอบครัวฮิมาดีเธอเป็นกลุ่มเปราะบางที่มีทั้งเด็กพิการและหญิงตั้งครรภ์ จึงได้รับโอกาสให้อยู่ได้จนกว่าลูกสาวเธอจะคลอด แต่ฮิมาดี คงต้องพาลูกของเธอไปอยู่อีกเมืองที่มีแพทย์เฉพาะทางด้านกระดูก และหวังว่าอาชีพทำขนมหวานของเธอจะพอหาเลี้ยงครอบครัวได้