HUMANITY

บังคับใช้ระเบียบทะเบียนประวัติอาชญากรใหม่ คุ้มครองผู้บริสุทธิ์

‘รอง ผบ.ตร. – อ.ปริญญา’ แถลงข่าวบังคับใช้ระเบียบใหม่กองทะเบียนประวัติอาชญากรคุ้มครองผู้บริสุทธิ์ เผย ผู้ต้องหารอลงอาญายกประโยชน์ให้จำเลย ผู้ต้องหาจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน มีเพียงปรับและไม่เปิดเผยรายชื่อในทะเบียนอาชญากร

วันนี้ (27 มิ.ย. 66) เวลา 10:00 น. ที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ท่าพระจันทร์) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. พร้อมด้วย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล ผู้อำนวยการศูนย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ น.ส.ปิติกาญจน์ สิทธิเดช กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ร่วมแถลงข่าว “การเปลี่ยนแปลงระบบทะเบียนประวัติอาชญากร เพื่อคุ้มครองผู้บริสุทธิ์ ” สามารถช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากการลบประวัติอาชญากรได้กว่า 10 ล้านรายชื่อ ให้สามารถมีชีวิตที่ดี ประกอบอาชีพสุจริตได้

อ.ปริญญา เปิดเผยว่า การปรับเปลี่ยนทะเบียนประวัติอาชญากร มีเป้าหมายเพื่อคุ้มครองประชาชนผู้บริสุทธิ์ สืบเนื่องจากปัญหาที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ที่มีการเอาชื่อ และประวัติผู้ต้องหาบันทึกไว้ในทะเบียนอาชญากรตั้งแต่เริ่มพิมพ์ลายนิ้วมือ โดยในแต่ละปีพบว่ามีคดีอาญากว่า 800,000 คดี ทำให้กระทบต่อสิทธิของประชาชนจำนวนมากกว่า 13 ล้านคน ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าตกใจที่ประชาชนคนไทยมี 66 ล้านคนแต่มีถึง 13 ล้านคนเป็นอาชญากร ซึ่งเป็นไปไม่ได้ ด้วยเหตุนี้จึงต้องริเริ่มช่วยเหลือประชาชนที่กระทำผิดด้วยการพลั้งเผลอ หรือบุคคลที่อัยการหรือศาลสั่งยกฟ้องหรือสั่งไม่ฟ้องให้สามารถลบประวัติอาชญากรได้

โดยมีอยู่ประมาณ 1.5 ล้านรายชื่อ คนเหล่านี้ยังไม่ถือว่ามีความผิด เพราะศาลยังไม่ตัดสิน ยังไม่ขึ้นประวัติอาชญากร แต่จะมีรายชื่อขึ้นทะเบียนประวัติผู้ต้องหาเท่านั้น ซึ่งภายหลังจากการประกาศบังคับใช้ระเบียบฉบับดังกล่าวแล้วได้มีการแก้ไขปรับปรุงการจัดเก็บประวัติบุคคลออกเป็น 3 แบบ ได้แก่

1.ทะเบียนประวัติผู้ต้องหา คือข้อมูลบุคคลที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดอาญา แต่ยังมิได้ถูกฟ้องต่อศาล หรือฟ้องต่อศาลแต่คดียังไม่ถึงที่สุด ห้ามเปิดเผย เว้นแต่ใช้เพื่องานสืบสวนสอบสวน งานสำนักพระราชวัง งานสมัครเข้ารับราชการ

2.ทะเบียนประวัติผู้กระทำความผิดที่มิใช่อาชญากร คือ ข้อมูลบุคคลที่ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดว่าได้กระทำความผิด โดยศาลลงโทษ จำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือรอการลงโทษ หรือมีเพียงโทษปรับ หรือกักขัง รวมถึงกระทำผิดโดยประมาท ห้ามเปิดเผยทั่วไปเว้นแต่ใช้เพื่อ งานสืบสวนสอบสวน งานขออนุญาตตามที่กฎหมายกำหนด

3.ทะเบียนประวัติอาชญากร คือ ข้อมูลบุคคลที่ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดว่าได้กระทำความผิด โดยศาลลงโทษ จำคุกเกินกว่า 1 เดือนขึ้นไป โดยไม่รอการลงโทษ ยกเว้นการกระทำผิดโดยประมาท

สำหรับความกังวลว่าผู้ที่ถูกลบประวัติอาชญากรแล้วจะกลับมากระทำผิดซ้ำอีก อ.ปริญญา กล่าวว่าไม่น่ากังวล เพระถึงแม้จะถูกลบประวัติอาชญากรไปแล้วแต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังมีทะเบียนประวัติผู้กระทำความผิดที่มิใช่อาชญากร คือ ข้อมูลบุคคลที่ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุด ว่าได้กระทำความผิด โดยศาลลงโทษ จำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือรอการลงโทษ มีเพียงโทษปรับ หรือกักขัง รวมถึงกระทำผิดโดยประมาท ห้ามเปิดเผยทั่วไปเว้นแต่ใช้เพื่องานสืบสวนสอบสวน งานขออนุญาตตามที่กฎหมายกำหนด

ฉะนั้น ตำรวจจะนำข้อมูลในส่วนนี้มาพิจารณาดำเนินการตามการกระทำผิด และดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ไม่ใช่ว่าลบประวัติอาชญากรแล้ว ตำรวจจะไม่มีข้อมูลอยู่เลย แต่การลบประวัติอาชญากรคือช่วยเหลือประชาชนส่วนใหญ่ให้สามารถกลับมามีชีวิตที่ดีในสังคมได้

ด้าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ระบุว่า วันนี้ดีใจ และขอบคุณทุกส่วนที่เกี่ยวข้องเป็นอย่างมาก ซึ่งระบบทะเบียนประวัติอาชญากร มีปัญหามายาวนาน ประชาชนหลายคนต้องทนทุกข์ ซึ่งโครงการนี้ริเริ่มทำงานกันมาตั้งแต่ปี 2564 โดยมี อ.ปริญญาเป็นหัวแรงในการร่างระเบียบ

ส่วนที่ผ่านมา ปัญหาที่พบในอดีต มีประชาชนประมาณกว่า 13 ล้านคน ที่มีชื่อติดอยู่ในทะเบียนประวัติอาชญากร ส่งผลให้คนเหล่านั้นไม่สามารถสมัครงานตามบริษัทต่างๆ ได้ เนื่องจากมีประวัติอยู่ในกองทะเบียนฯ ซึ่งวันนี้มีสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีการปรับเปลี่ยนระบบใหม่ทะเบียนประวัติอาชญากร มีการเคลียร์ประวัติอาชาญากรจาก 13 ล้านคน ที่คนเหล่านั้นมีโทษรอลงอาญา โทษปรับ หรือจำคุกไม่เกิน 1 เดือน ได้ลบประวัติออกจากทะเบียนเรียบร้อย ขณะนี้เหลือเพียง 3 ล้านคน ที่เป็นอาชญากรตัวจริง และอีกส่วนหนึ่งเป็นคดียังพิพากษาไม่สิ้นสุด

ทั้งนี้หลังจากลบประวัติอาชญากรแล้ว ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะส่งข้อมูลจากกองทะเบียนประวัติอาชญากร ไปทุกโรงพักทั่วประเทศ และให้ผู้กำกับโรงพักนำส่งจดหมายแจ้ง และมอบให้กับประชาชนถึงบ้าน ให้รับทราบว่ารายชื่อพวกเขา ถูกลบออกจากทะเบียนประวัติอาชญากรหนังสือที่ส่งให้ สามารถนำไปยืนยันกับบริษัทที่จะสมัครงานได้

โดยขณะนี้ได้แจ้งไปแล้วประมาณ 6 แสนกว่าราย ซึ่งถือว่าน้อย แต่สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีการทำเว็บไซต์ให้เสร็จภายในสิ้นเดือนนี้ เพื่อให้ประชาชนเข้าตรวจสอบทางเว็บไซต์ ว่าตัวเองมีประวัติหรือไม่

อย่างไรก็ตาม รอง ผบ.ตร. กล่าวอีกว่า ครั้งนี้ก็ถือว่าเป็นการดำเนินการที่ยิ่งใหญ่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ถือว่าเป็นต้นทางกระบวนการยุติธรรม

Related Posts

Send this to a friend