HEALTH

‘อนุทิน’ ชี้กำจัดความเหลื่อมล้ำด้านสาธารณสุข เป็นวิธีจัดการวิกฤติโรคระบาด

‘อนุทิน’ ขอทั่วโลก เดินหน้าใช้กฎหมาย กำจัดความเหลื่อมล้ำด้านสาธารณสุข ชี้ เป็นวิธีที่ทรงประสิทธิภาพ จัดการวิกฤติโรคระบาด 

วันนี้ (30 พ.ย. 64) นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้เข้าร่วมประชุมสมัชชาอนามัยโลกสมัยพิเศษ ซึ่งเป็นวันที่ 2 ของการประชุม ในวันดังกล่าว นายอนุทิน ได้กล่าวถ้อยแถลงต่อที่ประชุม เพื่อแสดงจุดยืนของประเทศไทยในการสนับสนุน การจัดทำข้อตกลงระหว่างประเทศ เพื่อเตรียมพร้อมและตอบสนองต่อการระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19 และโรคอุบัติใหม่ในอนาคต โดยระบุว่า 

โควิด-19 โจมตีโลกอย่างไม่มีการแบ่งแยก รุกคืบแบบไม่มีเขตชายแดน และไม่สนใจระบบการเมือง ส่งผลกระทบต่อทุกประเทศทั้งร่ำรวย และยากจน ทั้งชาติพัฒนา และกำลังพัฒนา จำเป็นต้องมีความรู้และเทคโนโลยี ในการต่อสู้กับวิกฤตินี้ และต้องแบ่งปันสิ่งที่เรียนรู้ เพื่อช่วยกันสู้โรค

การที่ประเทศแอฟริกาใต้ แบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับเชื้อโควิด-19 ที่กลายพันธุ์ ถือเป็นแบบอย่างของการแบ่งปันข้อมูลที่ดีเยี่ยม ในอนาคต เราจะมีความรู้เกี่ยวกับเชื้อสายพันธุ์นี้มากขึ้น โดยที่เราไม่ได้รับผลสะเทือนในระบบสังคมและเศรษฐกิจมากนัก

กับประเทศไทย มีตัวอย่างของการค้นพบที่สนใจคือ การใช้วัคซีนป้องกันโควิด-19 จากประเทศจีน ตามด้วยการใช้วัคซีน mRNA จากสหรัฐฯ สามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้ใกล้เคียงกับการฉีดวัคซีน mRNA 2 เข็มเราได้เริ่มดำเนินการในเรื่องดังกล่าว ด้วยการทำงานหนัก และมิได้คำนึงถึงประเด็นเรื่องการเมือง 

อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ อัจฉริยะผู้ยิ่งใหญ่ของเราเคยกล่าวไว้ว่า การทำลายอะตอมได้เปลี่ยนแปลงทุกอย่างโดยสิ้นเชิง ยกเว้นความสามารถในการคิดของเรา เราจำเป็นต้องคิดสิ่งใหม่ๆ ขึ้นมา หากมนุษย์อยากจะมีชีวิตรอด 

การระบาดใหญ่ของ COVID เรายิ่งจำเป็นต้องคิดกันใหม่ เพื่อหาทางออกจากวิกฤติ

แนวทางหนึ่งที่มีความสำคัญมาก คือ การใช้กฎหมายเพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถของโลกทั้งใบในการช่วยเหลือกันและกันเอาชนะโรคร้าย การสร้างระบบที่เท่าเทียม เป็นสิ่งจำเป็น เราจำเป็นต้องมีช่องทางหารือเพื่อช่วยเหลือระหว่างชาติต่างๆ 

ประเทศไทย ขอขอบคุณ ผอ.องค์การอนามัยโลก สำหรับความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้า และผลักดันให้การประชุมครั้งนี้เกิดขึ้น นี่คือช่วงเวลาสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่น และความสามามัคคีให้เกิดขึ้นทั่วโลกเพื่อขจัดความไม่เท่าเทียมกัน ถึงเวลาที่เราจะได้ตัดสินใจ และเริ่มต้น การเคลื่อนไหวครั้งประวัติศาสตร์เพื่อปกป้องโลก ให้สามารถดำรงอยู่ไปจนถึงคนรุ่นต่อไป

ผู้สื่อข่าวราวรายงานว่า การประชุมครั้งนี้ นายอนุทิน นอกจากเข้าร่วมประชุม สมัชชาอนามัยโลก สมัยพิเศษ ระหว่างวันที่ 29 พ.ย.-1 ธ.ค. 2564  ที่สำนักงานใหญ่องค์การอนามัยโลก (WHO) ว่าด้วยการเตรียมพร้อมและตอบสนองต่อภาวะโรคระบาด เพื่อจัดทำสัญญาความร่วมมือในการแก้ไขวิกฤติโรคระบาดแล้ว ยังใช้โอกาสนี้ เข้าหารือทวิภาคีกับ ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก (WHO Director-General) เพื่อสะท้อนความพยายามของไทย ในการเป็นกลุ่มประเทศแรกที่ร่วมใน BioHub System 

หลังจากที่ไทย เป็นสมาชิก ในโครงการนำร่องทำการทบทวนหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าและความมั่นคงทางสุขภาพ ด้านการเตรียมความพร้อมและการตอบสนอง (Universal Health Preparedness and Response, UHPR) และยังมีกำหนดการพบหารือทวิภาคีกับ ผู้อำนวยการบริหาร โครงการเอดส์แห่งสหประชาชาติ (United Nations Programme on HIV/AIDS-UNAIDS) เกี่ยวกับกรณี ประเทศไทยจะดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการประสานงานโครงการ โรคเอดส์แห่งสหประชาชาติ (UNAIDS Programme Coordinating Board : PCB) ในปี 2565 ที่ประเทศไทยมุ่งเน้นไปยังกลุ่มเยาวชนเพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจในเรื่อง HIV อย่างครอบคลุม นอกจากนั้น ยังต้องหารือทวิภาคีกับอดีตประธานาธิบดีสวิตเซอร์แลนด์ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขของสิงคโปร์

Related Posts

Send this to a friend