หอบหืด ภัยร้ายใกล้ตัวที่ไม่ควรมองข้าม เช็คความเสี่ยงเบื้องต้น ก่อนทุกอย่างจะสายเกินแก้
ปัจจุบันโรคหืด หรือหอบหืด (Asthma) ถือเป็นภัยเงียบที่คร่าชีวิตคนไทยกว่า 4,000 คนต่อปี และมีอัตราการเสียชีวิตสูงเป็นอันดับ 8 ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากการได้รับสารก่อภูมิแพ้ ฝุ่นควัน เกสรดอกไม้ ขนสัตว์ รวมไปถึงสภาวะมลพิษทางอากาศ และอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ไม่เพียงเท่านั้น ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ยังเผยให้เห็นว่า กลุ่มโรคทางเดินหายใจและโรคหืด ส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพชีวิต และกลายเป็นอุปสรรคในการดำเนินชีวิตประจำวัน นอกจากนี้ ปัจจัยกระตุ้นหลายอย่างในปัจจุบัน เช่น ฝุ่นควัน และมลพิษในอากาศ ยังมีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นที่อาจทำให้เกิดอาการกำเริบของโรคหืด และส่งผลต่อเนื่องในการใช้ชีวิตประจำวัน ดังนั้นแล้วโรคหืดจึงไม่ใช่โรคที่ไกลตัวไปจากการดำเนินชีวิตของทุกคนในยุคปัจจุบัน
โรคหืด เรื่องใกล้ตัวที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน
โรคหืด เป็นโรคที่เกิดจากการอักเสบเรื้อรังของหลอดลม ซึ่งมีผลทำให้หลอดลมของผู้ป่วยมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อสารก่อภูมิแพ้และสิ่งแวดล้อมมากกว่าคนปกติ ผู้ป่วยมักมีประวัติของอาการไอ แน่นหน้าอก หายใจลำบาก หายใจมีเสียงหวีด หรือหอบเหนื่อย ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตในหลายปัจจัย เช่น นอนหลับไม่สนิท ประสิทธิภาพในการทำงานลดถอยลง ในบางรายอาจทำให้สูญเสียรายได้
จากข้อมูลผู้ป่วยที่รักษาในสถานพยาบาลของรัฐปี 2563 พบผู้ป่วยโรคหืดและภาวะหอบหืดกำเริบรุนแรง 488,449 ราย คิดเป็นอัตราความชุกที่ 737.99 ต่อประชากรหนึ่งแสนคน ซึ่งผู้ที่เสียชีวิตจากโรคนี้ มักมีสาเหตุมาจากภาวะหอบหืดเฉียบพลัน ไม่สามารถดูแลตนเองได้ขณะที่มีอาการ พ่นยาไม่ถูกต้อง พ่นยาช้า การใช้ยาไม่ถูกต้อง หรือหลอดลมของผู้ป่วยมีความไวต่อสิ่งกระตุ้นอย่างรุนแรง ทั้งนี้คนไทยป่วยเป็นโรคหืดมากถึง 3 ล้านคน ผู้ป่วยโรคหืดกว่า 60% ใช้เพียงยาสูดพ่นขยายหลอดลมสำหรับบรรเทาอาการเป็นประจำซึ่งไม่ถูกต้อง
รับมือกับโรคหืดอย่างไรให้เหมาะสม
พญ.เปี่ยมลาภ แสงสายัณห์ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ สถาบันโรคทรวงอก กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการป้องกันและดูแลโรคหืดว่า ปัจจุบันมีการใช้ยาสูดพ่นขยายหลอดลมที่ออกฤทธิ์เร็วและต้านการอักเสบที่เป็นสาเหตุหลักของโรคหืด โดยสามารถช่วยป้องกันการเกิดอาการและบรรเทาอาการโรคหืดได้เป็นอย่างมีประสิทธิภาพเมื่อได้รับยาอย่างสม่ำเสมอ อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยก็ยังควรต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมควบคู่กันไปด้วย เช่น การงดจุดธูปในบ้าน ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และการใส่หน้ากากอนามัยเพื่อหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้น ซึ่งจะทำให้การดูแลสุขภาพและประคองโรคหืดได้ดียิ่งขึ้น
นอกเหนือจากนี้ เราสามารถประเมินตนเองเบื้องต้นได้ผ่านการสังเกตอาการลักษณะเหล่านี้ ได้แก่ ไอ แน่นหน้าอก หายใจมีเสียงหวีด และเหนื่อยหอบ หากมีอาการดังกล่าว ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุเพิ่มเติม รวมทั้งยังสามารถประเมินแนวทางการรักษาโรคหืดเบื้องต้นได้ที่เว็บไซต์ Rate Your Reliance ผ่านแบบทดสอบเพื่อประเมินภาวะการพึ่งพายาสูดพ่นขยายหลอดลมชนิดออกฤทธิ์สั้นเพื่อบรรเทาอาการหอบหืด และเป็นแหล่งข้อมูลความรู้เกี่ยวกับโรคหืด
แอสตร้าเซนเนก้า ประเทศไทย เล็งเห็นถึงปัญหาโรคหืดที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน จึงจัดทำวิดีโอสั้นภายใต้โครงการ ‘Healthy Lung’ โดยมีวัตถุประสงค์ในการให้ความรู้เกี่ยวกับการดูแลคนไข้โรคหืด เพื่อการเข้าถึงการรักษาที่มีประสิทธิภาพและการใช้ยาเพื่อบรรเทาอาการ คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ป่วยเป็น ทั้งนี้ ‘Healthy Lung’ ถือเป็นโครงการเพื่อสังคมแบบยั่งยืนผ่านความร่วมมือระหว่าง แอสตร้าเซนเนก้า ประเทศไทย หน่วยงานในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข และสมาคมทางการแพทย์ โดยมีเป้าหมายให้ทุกคนมีสุขภาพปอดที่แข็งแรงและคุณภาพชีวิตที่ดี ผ่านการรณรงค์เสริมสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับโรคหืด และโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง พร้อมยกระดับการพัฒนาองค์ความรู้ เสริมสร้างศักยภาพ และการเข้าถึงการบริการเพื่อนำไปสู่พัฒนาการด้านการรักษา และจัดการโรคอย่างมีประสิทธิภาพ