ไฟเซอร์ เปิดแคมเปญ สร้างพื้นที่ให้ครอบครัวปลอดภัยจากโควิด-19 ดึง บอย-ปกรณ์ สร้างความตระหนัก
บริษัท ไฟเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด จัดแคมเปญ “โซนนี้อุ่นใจ ปลอดภัยจากโควิด-19” สร้างการตระหนักรู้เรื่องการดูแลและป้องกันตนเองและครอบครัวจากโควิด-19 ที่ยังคงมีผู้ได้รับผลกระทบอยู่จนถึงปัจจุบัน พร้อมร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการรณรงค์สร้างพื้นที่ปลอดภัยในทุกมิติ ทั้งการระวังป้องกันจากภายนอก และเสริมสร้างความรู้ด้านการสร้างภูมิคุ้มกันที่ถูกต้องให้กับทุกคน พร้อมดึง ‘บอย–ปกรณ์’ และครอบครัว ร่วมเป็นหนึ่งในผู้ขับเคลื่อนสร้างความตระหนักรู้ที่ถูกต้อง
สำหรับแคมเปญดังกล่าว เป็นการตอกย้ำถึงการรับมือและป้องกันโควิด-19 ที่ยังคงมีผลกระทบต่อสุขภาพและมีผู้เสียชีวิตอยู่จนถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะกลุ่ม 608 หรือกลุ่มคนที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป และผู้ที่มีโรคประจำตัว 7 โรคเรื้อรัง ได้แก่ โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคไตวายเรื้อรัง โรคหลอดเลือดสมอง โรคอ้วน โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน รวมถึงกลุ่มหญิงตั้งครรภ์
ภายในงานเปิดตัวแคมเปญฯ มีการอัพเดตสถานการณ์ปัจจุบันของโควิด-19 ในประเทศไทยที่ยังมีการระบาดและติดต่อกันอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งมอบความรู้เกี่ยวกับวิวัฒนาการของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ต่าง ๆ ที่มีผลต่อร่างกายและการดำเนินชีวิต และสิ่งที่สำคัญที่สุด คือ วิธีการดูแลป้องกันตัวเองและครอบครัวให้ปลอดภัยจากโควิด-19 ที่หลายคนอาจมองข้ามซึ่งอาจส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาว
ศาสตราจารย์แพทย์หญิงศศิโสภิณ เกียรติบูรณกุล กล่าวว่า สถานการณ์โควิด-19 อาจจะไม่มีการเสียชีวิตมากเหมือนช่วงแรก แต่สิ่งที่น่ากังวลคือกลุ่มเสี่ยง 608 ที่ยังมีการติดเชื้อและเสียชีวิตอย่างต่อเนื่อง นอกจากการป้องกันตนเองด้วยการสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือให้สะอาด หลีกเลี่ยงไปในที่ที่แออัด กลุ่มเสี่ยง 608 ควรได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 เข็มกระตุ้นทุกปี ตามคำแนะนำองค์การอนามัยโลก
ในงานยังมีการเปิดตัวครอบครัวฉัตรบริรักษ์ในฐานะ Ambassador Family ครอบครัวแรกของแคมเปญ ตัวแทนสร้างการตระหนักรู้เรื่องความเสี่ยงโควิด-19 ให้ทุกคนไม่ประมาทและยังให้ความสำคัญในการดูแลป้องกันจากโควิด-19 ซึ่งการสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้ครอบครัวเป็นสิ่งที่สำคัญ
บอย-ปกรณ์ กล่าวว่า แม้สถานการณ์จะดูคลี่คลายลง แต่ก็ค่อนข้างห่วงคนในครอบครัว เพราะการติดเชื้อจะค่อนข้างส่งผลกับร่างกายในระยะยาว การรับมือกับโควิด-19 เหมือนรับมือโรคไข้หวัดใหญ่ที่เชื้อไวรัสมีการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ จึงต้องฉีดวัคซีนทุกปี เพื่อเสริมประสิทธิภาพภูมิคุ้มกันให้ต่อสู้ไวรัสสายพันธุ์ใหม่
