กรมอนามัย เผยวิธีลดอ้วนช่วงเด็กปิดเทอม แนะพ่อแม่ชวนลูกออกกำลังกาย
วันนี้ (23 มี.ค. 66) นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย เผยวิธีลดอ้วนสำหรับเด็กช่วงปิดเทอม แนะนำพ่อแม่ ผู้ปกครอง ควรใส่ใจเลือกอาหาร ที่ถูกหลักโภชนาการ โดยการกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ ลดอาหารหวานมันเค็ม และคุมเข้มพฤติกรรมสุขภาพ ของลูกเป็นพิเศษ หลังพบเด็กไทยกินขนมและดื่มน้ำอัดลมมากขึ้น พร้อมชวนบุตรหลานเพิ่มการออกกำลังกายวันละ 60 นาที หรือขยับร่างกายต่อเนื่องอย่างน้อย 10 นาทีขึ้นไป ด้วยการช่วยงานบ้าน,ทำสวน และให้เด็กพักผ่อนให้เพียงพอ 9-11 ชั่วโมงต่อวัน
นายแพทย์สุวรรณชัย กล่าวว่า “ช่วงปิดเทอมเด็กๆอยู่บ้านมากขึ้น ส่งผลให้พฤติกรรมส่วนใหญ่ของเด็กเปลี่ยนไป จะนอนดึก ตื่นสาย พักผ่อนไม่เพียงพอ เพราะใช้เวลาในการเล่นเกมส์ เล่นโทรศัพท์ งดมื้อเช้า เลือกกินขนม น้ำอัดลม น้ำหวาน และมีพฤติกรรมเนือยนิ่งเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้เด็กมีน้ำหนักตัวเพิ่มมากขึ้น และเสี่ยงต่อการเป็นโรคต่างๆ ทั้งนี้จากรายงานข้อมูลภาวะโภชนาการของกระทรวงสาธารณสุข ปี 2566 เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2566 พบเด็กอายุ 6-14 ปี มีภาวะเริ่มอ้วน และอ้วน ร้อยละ 13.2 และเด็กอายุ 15-18 ปี มีภาวะเริ่มอ้วนและอ้วน ร้อยละ 13.0 ซึ่งเกินกว่าค่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ ไม่เกิน ร้อยละ 12.0”
“และจากข้อมูลในปี 2538-2557 พบว่า เด็กไทยติด 1 ใน 3 ของอาเซียนที่มีภาวะน้ำหนักเกิน และมีภาวะเริ่มอ้วนและอ้วนเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า อีกทั้ง 1 ใน 2 ของเด็กอายุ 12 ปี ดื่มเครื่องดื่มรสหวานและน้ำอัดลมมากกว่า 2 ครั้งต่อวัน และ 1 ใน 3 ของเด็กไทยกินขนมถุงเป็นประจำทุกวัน มากกว่า 2 ครั้ง นอกจากนี้จากการเก็บข้อมูลยังพบว่า 9 ใน 10 ของเด็กไทย เห็นสื่อโฆษณาอาหารและเครื่องดื่มที่มีน้ำตาล ไขมัน และโซเดียมสูง ซึ่งการเห็นสื่อโฆษณาบ่อยๆ จะกระตุ้นการกินของเด็กทำให้อยากได้ อยากกินตามโฆษณา และมากกว่า 3 ใน 4 ของเด็กไทยที่ไม่เห็นข้อความเตือนในโฆษณาอาหารและเครื่องดื่ม”
“ช่วงปิดเทอมพ่อแม่ ผู้ปกครอง จึงควรใส่ใจในการดูแลพฤติกรรมสุขภาพ ของเด็กเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะด้านอาหารและโภชนาการ ควรจัดอาหารให้มีคุณค่า และถูกหลักโภชนาการ ทั้งปริมาณและความเหมาะสมกับวัย ใน 1 วัน ควรกินอาหารที่หลากหลาย และครบ 5 หมู่ ซึ่งเด็กอายุ 6-14 ปี ควรได้รับพลังงานเฉลี่ยที่ 1,600 กิโลแคลอรี โดยในแต่ละวันควรกินข้าวหรือแป้ง จำนวน 8 ทัพพี เนื้อสัตว์ จำนวน 6 ช้อนกินข้าว ผัก จำนวน 12 ช้อนกินข้าว นม 2 แก้ว และให้มีผลไม้ 6-8 ชิ้นพอดีคำทุกมื้อ อาจชวนเด็กฝึกปรุงอาหารของตนเอง โดยลดหวาน มัน เค็ม หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์แปรรูป เช่น ไส้กรอก ลูกชิ้น รวมทั้งเลี่ยงอาหารสำเร็จรูปพร้อมทาน อาหารแช่แข็งพร้อมทาน ควบคุมการซื้อขนมกรุบกรอบ เครื่องดื่มรสหวานจัด น้ำอัดลม ชานมไข่มุก และจัดเตรียมนมรสจืดและผลไม้ที่เด็กๆ ชอบไว้ในตู้เย็นแทน และให้ดื่มน้ำสะอาด 6 -8 แก้วต่อวัน”
“ที่สำคัญควรส่งเสริมให้เด็กมีกิจกรรมทางกาย จนรู้สึกเหนื่อยอย่างน้อย 60 นาทีทุกวัน (สะสมต่อเนื่อง10 นาทีขึ้นไป) เช่น เต้นแอโรบิก วิ่ง ปั่นจักรยาน กระโดดเชือก ทำงานบ้าน งานสวน เคลื่อนไหวร่างกายให้มากขึ้น เพื่อการมีสุขภาพที่ดี และนอนหลับให้เพียงพอวันละ 9-11 ชั่วโมง (สำหรับเด็กอายุ 6-13 ปี) และ 8 -10 ชั่วโมง (สำหรับเด็กอายุ 14-17 ปี) นอกจากนี้พ่อแม่ ผู้ปกครอง ยังสามารถเช็คหรือประเมิน ภาวะโภชนาการของบุตรหลานตนเองได้ ด้วยการใช้กราฟอ้างอิงการเจริญเติบโตของเด็กอายุ 6-19 ปี โดยใช้ 2 กราฟ ได้แก่ ส่วนสูงตามเกณฑ์อายุ และ น้ำหนักตามเกณฑ์ส่วนสูง