HEALTH

กรมควบคุมโรค เตือน แนวโน้มผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่เพิ่มขึ้น ปีนี้พบผู้ป่วยแล้วกว่า 6 แสนราย

กรมควบคุมโรค เตือน แนวโน้มผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่เพิ่มขึ้น ปีนี้พบผู้ป่วยแล้ว 630,786 ราย แนะ เฝ้าระวัง สังเกตอาการป่วยระบบทางเดินหายใจ ปฏิบัติตามคำแนะนำ

วันนี้ (13 ธ.ค. 67) นายแพทย์ภาณุมาศ ญาณเวทย์สกุล อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ข้อมูลจากการเฝ้าระวังโรคไข้หวัดใหญ่ จากระบบเฝ้าระวังโรคดิจิทัล กองระบาดวิทยา วันที่ 1 ม.ค. – 30 พ.ย. 67 พบผู้ป่วย 630,786 ราย อัตราป่วย 971.75 ต่อประชากรแสนคน มีรายงานผู้เสียชีวิต 47 ราย อัตราป่วยตาย 0.008 กลุ่มที่พบอัตราป่วยต่อประชากรแสนคนสูงสุด ได้แก่ กลุ่มอายุ 0–4 ปี (3,269.93) รองลงมาเป็นกลุ่มอายุ 5–14 ปี (2,807.27) และกลุ่มอายุ 15–24 ปี (807.57) ตามลำดับ

ข้อมูลจากการเฝ้าระวังเชื้อก่อโรคไข้หวัดใหญ่พบว่า เชื้อที่เป็นสาเหตุการระบาดส่วนใหญ่เป็นเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิด A/H1N1 พื้นที่ที่มีอัตราป่วยต่อประชากรแสนคนสูงสุด คือ ภาคกลาง (1,243.11) รองลงมา ภาคใต้ (978.71) ภาคเหนือ (750.43) และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (740.84)

ปี 2567 พบผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่สะสมในระบบเฝ้าระวังโรค (DDS) สูงกว่าผู้ป่วยสะสมในปี 2566 ในช่วงระยะเวลาเดียวกันถึง 1.5 เท่า ปัจจุบันภาพรวมของประเทศเริ่มมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เมื่อพิจารณาผู้ป่วยรายสัปดาห์ และจำแนกรายภาค พบว่า ผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในภาคกลางและภาคใต้ และยังคงพบการระบาดเป็นกลุ่มก้อนของโรคติดต่อทางเดินหายใจอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในโรงเรียน และเรือนจำ นอกจากนี้ ยังพบการระบาดมากขึ้นในศูนย์ดูแล ฟื้นฟูผู้สูงอายุและสถานสงเคราะห์

คำแนะนำสำหรับประชาชนทั่วไป สามารถป้องกันได้ด้วยการปฏิบัติตามคำแนะนำของโรคติดต่อระบบทางเดินหายใจอื่น ๆ ดังนี้

1) ล้างมือบ่อย ๆ ด้วยน้ำและสบู่ หรือใช้เจลแอลกอฮอล์ทำความสะอาดมือ

2) เลี่ยงการนำมือที่ไม่สะอาดมาสัมผัสจมูก ปาก หรือตา

3) ไม่ใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น เช่น แก้วน้ำ ช้อน ส้อม

4) หมั่นเช็ดถูทำความสะอาดของเล่นเด็กเป็นประจำ โดยเฉพาะหลังพบเด็กป่วย

5) เลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจ

6) บุคคลกลุ่มเสี่ยงโรครุนแรง ได้แก่ ผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป ผู้มีโรคประจำตัว เช่น โรคหอบหืด โรคหัวใจ และโรคเบาหวาน หญิงตั้งครรภ์ และเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี เป็นต้น ควรได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ เพื่อลดความรุนแรงของโรค และการเสียชีวิต

สำหรับผู้ป่วย แม้จะมีอาการไม่มาก ควรหยุดพักรักษาที่บ้าน 3–7 วัน หรือจนกว่าจะหายเป็นปกติ สวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งเมื่อต้องใกล้ชิดคลุกคลีกับผู้อื่น ใช้กระดาษทิชชูหรือผ้าเช็ดหน้าปิดปาก ปิดจมูกทุกครั้ง เวลาไอ จาม หมั่นล้างมือบ่อย ๆ ด้วยน้ำและสบู่ หรือเจลแอลกอฮอล์ล้างมือ หากผู้ป่วยอาการไม่ดีขึ้น เช่น หอบเหนื่อย ซึมลง รับประทานอาหารได้น้อย ควรรีบพาไปพบแพทย์โดยเร็ว

Related Posts

Send this to a friend