HEALTH

เผย พบมะเร็งกระเพาะปัสสาวะในเพศชายมากกว่าเพศหญิง แนะเลี่ยงการสูบบุหรี่ สาเหตุก่อโรค

วันนี้ (10 พ.ค. 66) นายแพทย์วีรวุฒิ อิ่มสำราญ รองอธิบดีกรมการแพทย์ เผย “มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ” พบในเพศชาย มากกว่าเพศหญิงประมาณ 3 ถึง 4 เท่า ถือเป็นภัยเงียบใกล้ตัวที่ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด แม้พบได้ไม่บ่อยแต่อัตราการเสียชีวิตค่อนข้างสูง โดยเฉพาะในเพศชาย ทั้งนี้การตรวจพบในระยะเริ่มแรก จะสามารถรักษาให้หายขาดได้ หากพบปัสสาวะเป็นเลือด มีประวัติสูบบุหรี่ กลุ่มเสี่ยงที่มีประวัติสัมผัส สารกลุ่มอะโรมาติกเอมีนเป็นประจำ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำปรึกษาตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติม ก็จะช่วยให้ได้รับการวินิจฉัย พบเจอโรคตั้งแต่ระยะเริ่มต้นได้ เนื่องจากเดือนพฤษภาคมเป็นเดือนแห่ง การรณรงค์ตระหนักภัยเงียบจาก “มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ”

นายแพทย์วีรวุฒิ อิ่มสำราญ รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า “ระบบทางเดินปัสสาวะของคนเรา ภายใน จะถูกบุไว้ด้วยเยื่อบุที่มีความจำเพาะ ต่อระบบทางเดินปัสสาวะ เพื่อทำหน้าที่ป้องกันไม่ให้ของเสียในปัสสาวะถูกดูดซึม กลับเข้าไปในกระแสเลือด โดยเยื่อบุดังกล่าวจะบุตลอดทางเดินปัสสาวะซึ่งได้แก่ กรวยไต ท่อไต กระเพาะปัสสาวะ และท่อปัสสาวะตามลำดับ หากมีการเกิดมะเร็งของเยื่อบุระบบทางเดินปัสสาวะ ก็สามารถเกิดขึ้นในอวัยวะที่กล่าวมาข้างต้น แต่มากกว่าร้อยละ 90 มักพบในเยื่อบุของกระเพาะปัสสาวะ หรือเรียกว่ามะเร็งกระเพาะปัสสาวะ”

ข้อมูลล่าสุดจากการรวบรวม ของสถาบันมะเร็งแห่งชาติ (Cancer in Thailand Vol.10 2016-2018) พบผู้ป่วยรายใหม่ปีละ 2,497 คน เฉลี่ยวันละ 7 คน คิดเป็นร้อยละ 2 ของมะเร็งทั้งหมด โดยพบในเพศชายมากกว่าเพศหญิงประมาณ 3 ถึง 4 เท่า แต่ที่น่ากังวลคือเป็นมะเร็งที่มีอัตราการเสียชีวิตสูงถึงเกือบร้อยละ 20 ซึ่งการตรวจพบและได้รับการรักษา ตั้งแต่ในระยะเริ่มต้นจะสามารถลดอัตราการเสียชีวิตได้ โดยอาการเริ่มแรกที่พบได้บ่อยที่สุด ในผู้ป่วยมะเร็งกระเพาะปัสสาวะคือ อาการปัสสาวะเป็นเลือด โดยเฉพาะในรายที่ไม่พบอาการปัสสาวะแสบขัดร่วมด้วย จะพบว่ามีความเสี่ยงในการพบมะเร็งกระเพาะปัสสาวะสูงขึ้น หากมะเร็งเข้าสู่ระยะลุกลาม อาจทำให้มีอาการปวดท้องน้อย ติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะเรื้อรัง น้ำหนักลด ขาทั้งสองข้างบวม ปัสสาวะออกน้อยหรือปัสสาวะลำบากได้

ด้าน นายแพทย์พร้อมวงศ์ งามวุฒิวงศ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยศาสตร์มะเร็งทางเดินปัสสาวะ สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กล่าวว่า “จากการศึกษาในปัจจุบันพบว่าปัจจัยเสี่ยง ที่ความสัมพันธ์ต่อการเกิดมะเร็งกระเพาะปัสสาวะมีหลากหลาย แต่ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญที่สุดคือการสูบบุหรี่ ซึ่งจะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งกระเพาะปัสสาวะได้ 2 ถึง 6 เท่า โดยความเสี่ยงจะเพิ่มขึ้นตามปริมาณและระยะเวลาที่สูบบุหรี่ และต้องใช้เวลาถึง 15 ปี หลังการหยุดสูบบุหรี่ เพื่อที่จะลดความเสี่ยงให้เท่ากับผู้ที่ไม่เคยสูบบุหรี่ สารเคมีอีกชนิดที่พบว่าเป็นสารก่อมะเร็งในกระเพาะปัสสาวะ คือสารเคมีจำพวกอะโรมาติกเอมีน (aromatic amines) ซึ่งเป็นสารเคมีที่พบในอุตสาหกรรมพลาสติก และเคมี เช่น สีย้อม ยาง โฟม ยาฆ่าแมลง”

นอกจากนี้ยังสามารถพบได้ในมลพิษ จากสิ่งแวดล้อมเช่นการเผาไหม้ของน้ำมันดีเซล ยาง ยาสูบ เป็นต้น หรือการอักเสบระคายเคืองจากก้อนนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ การใส่ท่อปัสสาวะเป็นเวลานาน การบริโภคเนื้อสัตว์แปรรูปหรือของหมักดอง ก็สามารถเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งกระเพาะปัสสาวะได้เช่นกัน การตรวจวินิจฉัยมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ จะทำการตรวจในผู้ที่มีอาการที่ต้องสงสัย โดยอาการที่พบบ่อยที่สุดคือปัสสาวะเป็นเลือด ซึ่งมีโอกาสร้อยละ 20 ที่จะพบมะเร็งในระบบทางเดินปัสสาวะ การตรวจวินิจฉัยปัจจุบันอาศัย การส่องกล้องกระเพาะปัสสาวะร่วมกับการเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ หรือการทำอัลตร้าชาวน์อวัยวะในระบบทางเดินปัสสาวะ เพื่อทำการวินิจฉัยหาสาเหตุต่อไป

สำหรับการรักษาในปัจจุบัน วิธีการรักษาขึ้นอยู่กับความลึกของมะเร็ง ว่าลุกลามถึงชั้นกล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะหรือไม่ โดยถ้ามะเร็งยังอยู่ภายในชั้นเยื่อบุกระเพาะปัสสาวะ กล่าวคือยังไม่ลุกลามถึงชั้นกล้ามเนื้อของกระเพาะปัสสาวะ การรักษาคือการผ่าตัดผ่านทางกล้องส่องกระเพาะปัสสาวะเพื่อตัดก้อนมะเร็ง ของจากเยื่อบุกระเพาะปัสสาวะ (TUR-BT : Transurethral Resection of Bladder tumor) ซึ่งการผ่าตัดดังกล่าวจะทำการผ่าตัดผ่านกล้อง โดยใส่อุปกรณ์ผ่านทางท่อปัสสาวะ ทำให้ไม่มีแผลหลังผ่าตัด และอาศัยการพักรักษาที่โรงพยาบาลค่อนข้างสั้น หลังผ่าตัดผู้ป่วยยังสามารถปัสสาวะทางท่อปัสสาวะปกติได้

แต่ถ้ามะเร็งกระเพาะปัสสาวะเกิดขึ้น เป็นบริเวณกว้างและลุกลามถึงชั้นกล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะ การรักษาจะเป็นการผ่าตัดเพื่อเอากระเพาะปัสสาวะ และต่อมน้ำเหลืองบริเวณข้างเคียงออก ร่วมกับการทำช่องปัสสาวะเทียมทางหน้าท้องแบบถาวร หรือการนำลำไส้มาทำเป็นกระเพาะปัสสาวะเทียม นอกจากนี้การได้รับการรักษาร่วมได้แก่ การใส่ยาเคมีบำบัดในกระเพาะปัสสาวะ การใส่วัคซีนเชื้อวัณโรคชนิดเชื้อเป็นในกระเพาะปัสสาวะ การให้เคมีบำบัดทางเส้นเลือด การฉายแสง หรือการให้ยามุ่งเป้า (targeted therapy) ก็มีบทบาทในลดอัตราการเกิดเป็นโรคซ้ำ และเพิ่มโอกาสการหายของโรคได้

การดูแลสุขภาพให้แข็งแรง งดการสูบบุหรี่ แอลกอฮอล์ อาหารหรือเนื้อสัตว์แปรรูป หลีกเลี่ยงการสัมผัสสารเคมี ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ทำจิตใจให้แจ่มใส จะทำให้ห่างไกลจากโรคมะเร็งร้าย และมีสุขภาพทั้งทางร่างกายและจิตใจที่สมบูรณ์แข็งแรง หากท่านมีข้อสงสัยหรือต้องการหาความรู้เพิ่มเติม สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม ได้จากสถาบันมะเร็งแห่งชาติ ผ่านทางเว็บไซต์ส่งเสริมความรอบรู้ สู้ภัยมะเร็ง https://allaboutcancer.nci.go.th/ เว็บไซต์ต่อต้านข่าวปลอมโรคมะเร็ง https://thaicancernews.nci.go.th/_v2/ facebook : สถาบันมะเร็งแห่งชาติ National Cancer Institute และ Line : NCI รู้สู้มะเร็ง

Related Posts

Send this to a friend