นักกำหนดอาหารแนะสร้างภูมิคุ้มกันป้องกันโรคหวัดช่วงอากาศเปลี่ยน
ป้องกันโรคหวัดช่วงอาการเปลี่ยน นักกำหนดอาหารวิชาชีพอิสระ แนะต้องสร้างภูมิคุ้มกัน
เลือกกินผักผลไม้วิตามินซีสูง และไม่ลืมพืชสมุนไพรกลิ่นหอมระเหยช่วยต้านเชื้อโรคได้
“โรคไข้หวัด” มักพบได้ในช่วงอาการเปลี่ยน ส่วนหนึ่งเกิดจการที่ภูมิต้านทานในร่างกายของเราต่ำลง เพราะร่างกายต้องปรับให้เข้ากับ การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ โดยเฉพาะในช่วงนี้ที่อากาศเปลี่ยนจากหน้าฝนสู่หน้าหนาว ประกอบกับปัจจุบันนั้น อากาศในภาคเหนือของประเทศไทยนั้น เริ่มเย็นขึ้นและมีหมอกปกคลุมช่วงตอนเช้า ขณะที่ภาคใต้นั้นแม้ฝนเริ่มลดลง แต่ยังมีฝนตกอย่างต่อเนื่อง นับเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้หลายคนเป็นไข้หวัดได้
ล่าสุด แววตา เอกชาวนา นักกำหนดอาหารวิชาชีพอิสระ และที่ปรึกษาโครงการกินผักและผลไม้ดีวันละ 400 กรัม จากสสส.ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการบริโภคอาหารป้องกันโรคไข้หวัด โดยเริ่มจากการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย และเลือกรับประทานอาหารที่มีวิตามินซีสูง รวมถึงการบริโภคพืชผักสมุนไพรที่มีฤทธิ์ต้านเชื้อโรค หรือเชื้อไวรัสที่เป็นสาเหตุของโรคไข้หวัด
นักกำหนดอาหารวิชาชีพอิสระ ให้ข้อมูลว่า “ อันที่จริงแล้วโรคไข้หวัดนั้น เกิดจากการที่ภูมิต้านทานในร่างกายของเราต่ำลง เนื่องจากร่างกายต้องปรับตัวให้เข้ากับ การเปลี่ยนแปลงของฤดูกาล เช่น จากฤดูฝน และเป็นฤดูหนาว ดังนั้นเมื่อภูมิต้านทานในร่างกายต่ำ จึงทำให้หลายคนเป็นหวัดนั่นเอง ดังนั้นวิธีป้องกันโรคหวัดที่ดีนั้น ต้องเริ่มจากการ “ฟื้นฟูภูมิต้านทาน” ของเรา โดยการ “รับประทานผักผลไม้สดที่มีวิตามินซี” เช่น มะเขือเทศ มะนาว ใบชะมวง ฝรั่ง ส้ม กีวี่ ฯลฯ จะมีฤทธิ์ต้านการอักเสบและช่วยให้ร่างกายแข็งแรง แต่ถ้าเราบริโภคผักผลไม้แปรรูป ก็ทำให้ร่างกายไม่ได้รับวิตามินซีแต่อย่างใด “ส่วนใครที่เลือกรับประทานวิตามินซีเสริมในรูปแบบของเม็ด เพื่อป้องกันโรคหวัดแทนการบริโภคผักผลไม้วิตามินซีสูงนั้น ต้องบอกว่าวิตามินซีในผักผลไม้ เมื่อรับประทานไปแล้ว จะช่วยทำให้อาการของโรคหวัดไม่รุนแรง หรือไม่ให้เป็นมากขึ้น แต่ป้องกันโรคหวัดไม่ได้ ดังนั้นการบริโภควิตามินซีในรูปแบบเม็ด เพื่อป้องกันโรคหวัดจึงเป็นเรื่องที่เข้าใจผิดค่ะ ดังนั้นเลือกรับประทานผักผลไม้สดจะดีกว่าค่ะ เพราะช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานให้ร่างกายได้ดีกว่า”
นอกจากนี้ “การบริโภคพืชสมุนไพรสวนครัว ที่มีน้ำมันหอมระเหย” เช่น กระเทียม ตะไคร้ หรือ หอมแดง ที่มี “สารเควอซิทิน” ก็มีสรรพคุณช่วยต้านเชื้อโรค เช่น เชื้อไวรัสที่ทำให้เป็นโรคไข้หวัด เป็นต้น โดยนำมาปรุงเป็นเมนูอาหาร เช่น ต้มยำปลา แต่ทั้งนี้จำเป็นต้องทุบผักสวนครัวเหล่านี้พอแตก เพื่อให้น้ำมันหอมระเหยที่อยู่ในภาย ออกฤทธิ์อยู่ในเมนูอาหาร
ที่ลืมไม่ได้ในการสร้างภูมิต้านทานโรคไข้หวัด ในช่วงอากาศเปลี่ยนที่สำคัญอีกอย่าง คือ “การบริโภคอาหารกลุ่มโปรตีนคุณภาพดีที่ไม่ติดมัน” ซึ่งโปรตีนนั้นมีคุณสมบัติ ในการสร้างเม็ดเลือดแดง (นำออกซิเจนไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกาย) และสร้างเม็ดเลือดขาว ที่มีหน้าที่ดักจับเชื้อโรคไม่ให้เข้าสู่ร่างกาย เช่น ถ้าเรารู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว เหมือนจะไม่สบายเป็นไข้ แนะนำว่าก่อนหน้าที่จะป่วยประมาณ 4-5 วัน ให้กินอาหารในกลุ่มโปรตีนที่ไม่ติดมัน เพื่อป้องกันโรคไข้หวัด ทั้งนี้โปรตีนที่ไม่ติดมัน ถ้าเป็นกลุ่มของเนื้อแดง เช่น เนื้อวัวไม่ติดมัน หรือเนื้อหมูไม่ติดมันเช่นกัน เนื้อสันในไก่ อกไก่ รวมถึงเนื้อปลาที่มีโอเมก้า 3 ที่เราหาได้ เช่น ปลาทู ปลาช่อน หรือปลาทะเล (เนื้อปลาที่มีโอเมก้า 3 จะช่วยลดการอักเสบของร่างกาย ทั้งก่อนป่วยและขณะเป็นไข้หวัดได้เช่นกัน) รวมถึงนม ก็มีโปรตีนสูง เช่น ในเด็กเล็กการดื่มนม เช่น นมโรงเรียนก็ช่วยป้องกันโรคไข้หวัดได้ ที่ลืมไม่ได้คืออาหารกลุ่มโปรตีนคุณภาพดีนั้น จะช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้กับร่างกาย เมื่อร่างกายมีกล้ามเนื้อ และในกล้ามเนื้อมีโปรตีน ก็จะช่วยป้องกันโรคๆได้ เพราะกล้ามเนื้อเปรียบเสมือนเตาในร่างกาย ที่ช่วยเผาผลาญพลังงาน และเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรงไปพร้อมๆกัน จึงช่วยป้องกันโรคนั่นเอง นอกจากนี้ ไข่ไก่ ก็ถือเป็นอาหารกลุ่มโปรตีนคุณภาพดี โดยแนะนำให้คนทุกเพศทุกวัยกินไข่ไก่วันละ 1 ฟอง เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและป้องกันโรคหวัด
นอกจากนี้ “การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ” ก็เป็นการสร้างภูมิต้านทานให้กับร่างกายได้ และสิ่งสำคัญนั้นไม่ลืมหลักของการ “กินร้อน ช้อนกลาง หมั่นล้างมือ” ก็สามารถป้องกันเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายได้ เช่น เชื้อไวรัสที่เป็นสาเหตุของโรคไข้หวัด เช่นเดียวกับ “การออกกำลังกายเป็นประจำทุกวัน” วันละประมาณ 30 นาที ก็ช่วยทั้งเรื่องของการสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย และเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรง จึงช่วยป้องกันโรคอย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้น อีกทั้งการออกกำลังกาย ยังทำให้ร่างกายไม่ทรุดโทรม อีกทั้งเมื่อเป็นหวัดก็จะทำให้เราหายไวขึ้น แต่ขณะที่เป็นไข้หวัดไม่แนะนำให้ออกกำลังกาย
