“ร้านยากรุงเทพ” ชูเทคโนโลยีขับเคลื่อนระบบนิเวศบริการด้านสุขภาพ
ครบรอบ 24 ปี “ร้านยากรุงเทพ” ชูบริการ Telepharmacy ผ่านแอปพลิเคชัน “ร้านยากรุงเทพ” เชื่อมต่อไปยังเภสัชกรสาขา โดยไม่ต้องออกมาที่ร้าน ดูแลสุขภาพที่สะดวกและปลอดภัย ลดเวลา ลดความลำบากในการเดินทางยามเจ็บป่วย พร้อมเดินหน้าผนึกพันธมิตรขับเคลื่อนระบบนิเวศด้านการดูแลสุขภาพ
นายชูวิทย์ วัยศิริโรจน์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท กรุงเทพดรักสโตร์ จำกัด เปิดเผยว่า “ร้านยากรุงเทพ” ก่อตั้งขึ้นในปี 2541 โดยชูแนวคิด “เพราะเราห่วงใยคุณ” นับเป็นร้านยาอันดับต้น ๆ ที่เปิดจำหน่ายยา พร้อมให้คำปรึกษาโดยเภสัชกร 24 ชั่วโมง พร้อมกันนี้ยังได้มีการพัฒนาและช่วยเหลือชุมชนมาอย่างต่อเนื่อง อาทิ เหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ปี 2554 ร้านยากรุงเทพยังคงยืนหยัดเปิดร้านเพื่อให้ประชาชนที่เจ็บป่วยสามารถเข้าถึงยารักษาโรคได้ ต่อมาปี 2562 เริ่มเปิดบริการ Call Center เพื่อให้คำปรึกษาเรื่องยาและสุขภาพโดยเภสัชกร ในปี 2563 ที่เกิดวิกฤตโควิด-19 จัดระบบจองสินค้าเพื่อกระจายสินค้าจำเป็นให้ทั่วถึงเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน และปรับลดราคาสินค้าเพื่อแบ่งเบาภาระผู้บริโภค และในปี 2564 ได้พัฒนาและเปิดให้บริการเภสัชกรรมทางไกล (Telepharmacy) ผ่านแอปพลิเคชัน “ร้านยากรุงเทพ” เพื่อให้ผู้ป่วยโควิด-19 และผู้ที่กักตัวสามารถลดความเสี่ยงในการออกจากบ้านมาซื้อยา
ปัจจุบันร้านยากรุงเทพ มีสาขาในกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมทั้งสิ้น 80 สาขา เปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง มีเภสัชกรมากกว่า 200 คน จำหน่ายผลิตภัณฑ์ยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพกว่า 3,000 รายการ แอปพลิเคชันมีผู้ดาวน์โหลดแล้วกว่า 200,000 ราย โดยแอปพลิเคชัน “ร้านยากรุงเทพ” จะเชื่อมต่อเภสัชกรทุกสาขาของร้านยากรุงเทพ เพื่อให้คำปรึกษาและบริการตามหลักเภสัชกรรมคลินิค ผ่านการแชท โทรหรือวิดีโอคอล ซึ่งทุกรายที่จะจำเป็นต้องใช้ยาจะต้องพูดคุยกับเภสัชกรเพื่อให้คำปรึกษา บันทึกประวัติ และติดตามให้คำแนะนำเพิ่มเติมด้วยระบบยืนยันการรับสินค้า นอกจากนี้ ยังร่วมมือกับพันธมิตรที่แพลตฟอร์มมีระบบบริการสุขภาพด้านต่าง ๆ อาทิ ระบบ Telemedicine จาก Skin X, Mordee และ Hibro เพื่อรับใบสั่งแพทย์อิเล็กทรอนิกส์ หรือปรึกษาแพทย์จากที่สาขาร้านยากรุงเทพ, Ai ที่ช่วยคัดกรองอาการ จาก AGNOS, อุปกรณ์ดิจิทัลวัดค่าสุขภาพจาก Touch Good Health, ตู้จำหน่ายยาสามัญอัตโนมัติ Medis, และแอปพลิชันพันธมิตรที่ต้องการเพิ่มบริการด้านสุขภาพให้กับลูกค้า ที่เชื่อมต่อกับแอปพลิเคชัน “ร้านยากรุงเทพ” เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดูแลสุขภาพให้ครอบคลุมมากขึ้น
นอกจากนี้ นายชูวิทย์ ยังกล่าวถึงเทรนด์การดูแลสุขภาพของคนไทยด้วยว่า ได้มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมไปสู่การป้องกันมากกว่าการรักษา ซึ่งจำนวนผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และประเทศไทยได้เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ในปี 2565 รวมถึงโควิด-19 เป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง โดยข้อมูลจากศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า ค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลของผู้บริโภคกว่า 30-40% เป็นค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับยา และคาดการณ์ว่ามูลค่าตลาดยาปี 2565 จะอยู่ที่ 2.33-2.38 แสนล้านบาท เติบโต 3-5% เนื่องจากแนวโน้มค่ารักษาพยาบาลที่ปรับเพิ่มขึ้นตามความซับซ้อนของโรคและเทคโนโลยี ต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น และความต้องการยารักษาโรคที่เพิ่มขึ้นตามความเสี่ยงในการเกิดโรคที่มีมากขึ้น ดังนั้นการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการให้บริการสุขภาพแบบครบวงจร โดยเฉพาะบริการเภสัชกรรมทางไกล (Telepharmacy) และแพทย์ทางไกล (Telemedicine) ช่วยให้ประชาชนเข้าถึงยารักษาโรคได้อย่างสะดวก ปลอดภัย และทั่วถึงมากยิ่งขึ้น ซึ่งร้านขายยาเป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศด้านสาธารณสุข (Healthcare Ecosystem) ที่ช่วยให้ประชาชนเข้าถึงระบบสาธารณสุขพื้นฐาน และบริการด้านสุขภาพที่หลากหลาย ไม่จำกัดขอบเขตพื้นที่และเวลา ได้มากยิ่งขึ้น