HEALTH

บำรุงราษฎร์ ยกระดับการรักษาขั้นสูง “ศูนย์มะเร็งฮอไรซัน” ดูแลรักษาโรคมะเร็งครอบคลุมทุกมิติ

ล่าสุดข้อมูลของโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ในปี 2562 รายงานว่าผู้ป่วยต่างชาติเดินทางเข้ามารับการรักษาโรคมะเร็งในโรงพยาบาลฯ สูงสุดเป็นอันดับหนึ่ง โดยกลุ่มประเทศที่เดินทางมารักษามากที่สุด คือ เมียนมา และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เนื่องด้วยโรคมะเร็งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้นๆ ของคนทั่วโลก และมีแนวโน้มจำนวนเพิ่มขึ้นทุกปี องค์การอนามัยโลก (WHO) พบว่าในปี พ.ศ. 2561 มีผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่จำนวน 18.1 ล้านคน และเสียชีวิตจากโรคมะเร็ง 9.6 ล้านคน ในขณะที่ประเทศไทย มีข้อมูลล่าสุดจากกระทรวงสาธารณสุขพบผู้ป่วยใหม่ ประมาณ 120,000 คนต่อปี และเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งประมาณ 70,000 คนต่อปี โดย 5 อันดับแรกที่เป็นปัญหาหลักของประเทศ คือ มะเร็งตับ มะเร็งปอด มะเร็งเต้านม มะเร็งปากมดลูก และมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก คิดเป็นร้อยละ 51.86 ของมะเร็งทั้งหมด

ล่าสุด โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ได้พัฒนายกระดับ “ศูนย์มะเร็งฮอไรซัน” ซึ่งเป็นอีกศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ (Excellence Center) เพื่อให้การดูแลรักษาโรคมะเร็งอย่างครอบคลุมด้วยทีมแพทย์ผู้ชำนาญการจากหลายสาขาร่วมกับบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความชำนาญการด้านมะเร็งโดยเฉพาะ ตั้งแต่การป้องกัน การตรวจคัดกรอง การวินิจฉัย การรักษา การติดตามผลการรักษาและภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น ไปจนถึงการดูแลด้านสภาวะจิตใจ โภชนาการ การจัดการกับความเจ็บปวด และการเฝ้าระวังการกลับมาเป็นซ้ำของโรคอย่างใกล้ชิด และมีห้องปฏิบัติการ (Lab) ที่ได้รับการรับรองมาตราฐานระดับสากลอยู่ภายในโรงพยาบาล ทำให้ได้ผลตรวจรวดเร็วและแม่นยำ นอกจากนี้ บำรุงราษฎร์ยังมีศูนย์การรักษาโรคมะเร็งที่ก้าวไปอีกขั้นอย่างครบวงจร เรียกว่า คลินิกเอสเพอรานซ์ เป็นการรักษามะเร็งเชิงบูรณาการ โดยจะนำนวัตกรรมใหม่ๆ มาใช้เพื่อลดผลกระทบร้ายแรงจากมะเร็ง ซึ่งไม่จำเป็นต้องใช้คีโม หรือวิธีฉายแสง ถือเป็นอีกทางเลือกสำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็ง ซึ่งจะเป็นการรักษาแบบเฉพาะเจาะจงที่ออกแบบสำหรับผู้ป่วยแต่ละคนโดยเฉพาะ

นพ. ณรงค์ศักดิ์ เกียรติขจรธาดา ผู้อำนวยการศูนย์มะเร็งฮอไรซัน และอายุรแพทย์ด้านโลหิตวิทยา และเนื้องอกวิทยา โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์

นพ. ณรงค์ศักดิ์ เกียรติขจรธาดา ผู้อำนวยการศูนย์มะเร็งฮอไรซัน และอายุรแพทย์ด้านโลหิตวิทยา และเนื้องอกวิทยา โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวว่า “ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีและวิทยาการทางการแพทย์ของการรักษาโรคมะเร็ง ร่วมกับความเชี่ยวชาญของแพทย์ทำให้การต่อสู้กับมะเร็งในปัจจุบันมีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น ซึ่งมีวิธีการและเทคนิคต่าง ๆ ในการรักษา ยกตัวอย่าง การผ่าตัดผู้ป่วยมะเร็งปอด หรือมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก จะมีเทคนิคการผ่าตัดผ่านกล้องสำหรับผู้ป่วยที่มีคุณสมบัติเหมาะสม รวมทั้งมีเทคนิคการผ่าตัดแบบรักษาอวัยวะ เช่น มะเร็งลำไส้ใหญ่ที่เกิดบริเวณลำไส้ตรง ในอดีตถ้ามะเร็งมีขนาดใหญ่ การผ่าตัดจะไม่เหลือเนื้อเยื่อมากพอที่แพทย์จะตัดต่อลำไส้ให้ผู้ป่วยขับถ่ายผ่านช่องทางปกติได้ ต้องต่อออกมาทางหน้าท้องแล้วติดถุงไว้ แต่ปัจจุบันนี้แพทย์สามารถผ่าตัดมะเร็งออกไป พร้อมตัดต่อลำไส้ให้ผู้ป่วยขับถ่ายได้ตามปกติ เป็นต้น”

นพ. ณรงค์ศักดิ์ เกียรติขจรธาดา กล่าวเสริมว่า “ปัจจุบัน โรงพยาบาลฯ มีนวัตกรรมเทคโนโลยีเพื่อตรวจหาความผิดปกติของยีนเพื่อวิเคราะห์โอกาสเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งของแต่ละบุคคลในอนาคตได้ ทำให้สามารถวางแผนออกแบบโปรแกรมการดูแลตนเองได้ตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งได้ โดยสาเหตุการเกิดมะเร็งส่วนใหญ่มักเกิดจากปัจจัยภายนอก ซึ่งพฤติกรรมการบริโภคและการใช้ชีวิตถือเป็นอีกสาเหตุสำคัญ กลุ่มเสี่ยงจึงควรมาตรวจคัดกรองประเมินผลเพื่อป้องกันหรือรักษาอย่างทันท่วงที ในกรณีที่พบเจอชิ้นเนื้อจะได้รับการตรวจวินิจฉัยโรคอย่างถูกต้อง ทำให้รักษาโรคได้อย่างแม่นยำ และวางแผนการรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์มีพยาธิแพทย์ผู้ชำนาญการด้านการตรวจชิ้นเนื้อเพื่อวินิจฉัยว่าชิ้นเนื้ออย่างละเอียด ซึ่งการตรวจชิ้นเนื้อต้องอาศัยความชำนาญขั้นสูงเพื่อความแม่นยำ ถัดไปจึงเป็นการวางแผนการรักษา โดยการผสมผสานการรักษาหลายวิธีเข้าด้วยกัน อาทิ การรักษาด้วยวิธีเคมีบำบัด, การฉายรังสี (การฉายแสง), การฉายรังสีด้วยเทคนิค VMAT, การปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิด หรือการปลูกถ่ายไขกระดูก (Stem cell), การฝังแร่กัมมันตรังสี (Brachytherapy), การรักษาแบบจำเพาะเจาะจงต่อเซลล์มะเร็ง (Targeted Therapy) หรือ การรักษาด้วยภูมิคุ้มกันบำบัด (Immunotherapy) เป็นต้น”

Related Posts

Send this to a friend