ECONOMY

‘นฤมล’ ถกผู้พัฒนา WeChat ดึงเกษตรกร-SME รุกขยายตลาดจีน

‘นฤมล’ เร่งขับเคลื่อนการค้า-ลงทุนไทยรับปี 67 ถกผู้พัฒนา WeChat ดึงเกษตรกร-SME รุกขยายตลาดจีนเพิ่ม

ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ผู้แทนการค้าไทย (TTR) เปิดเผยว่า เป้าหมายของผู้แทนการค้าไทย เป็นหนึ่งในทีมไทยแลนด์ที่จะร่วมดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ และผลักดันการส่งออกสินค้าไทยเพิ่มขึ้น โดยปี 2567 เศรษฐกิจจะฟื้นตัวโดยเฉพาะภาคส่งออกที่เดือน ต.ค.66 เป็นบวกติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 และคาดว่าปลายปีที่เหลือจะเป็นบวกต่อเนื่อง โดยมีจีนเป็นตลาดที่สำคัญจากการส่งออกสินค้าเกษตร และอุตสาหกรรมการเกษตร รวมถึงเครื่องสำอางที่เป็นแบรนด์ไทย ซึ่งกำลังได้รับความนิยมจากตลาดจีนมากขึ้น

ศ.ดร.นฤมล เปิดเผยว่า ไทยยังมีโอกาสขยายตลาดจีนอีกมาก จึงหารือกับผู้พัฒนาแพลตฟอร์ม WeChat จากจีน รวมถึงกระทรวงพาณิชย์ ในการพัฒนาเป็นแอคเคาท์สำหรับประเทศไทย เพื่อให้เกษตรกรและวิสาหกิจขนาดกลางและย่อม (SME) ของไทยเข้าถึงตลาดจีนมากขึ้น

ที่ผ่านมารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้หารือกับ บริษัท หวาอี้ กรุ๊ป ประเทศไทย ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจของจีนเพื่อร่วมมือกับการยางแห่งประเทศไทย นำผลผลิตยางพาราไปสู่การแปรรูป เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น ปัจจุบันบริษัทดังกล่าว ตั้งโรงงานรถยนต์ในไทยภายใต้ชื่อ ‘Double Coin’ ใช้วัตถุดิบยางพาราของไทย 150,000 ตันต่อปี และมีแผนขยายโรงงานเพิ่มขึ้นอีก 5 โรงงาน

นอกจากนี้ จากการหารือกับนักลงทุนในต่างประเทศ ทั้งหอการค้า และสภาธุรกิจของประเทศต่าง ๆ ส่วนใหญ่สนใจเข้ามาลงทุนในไทย แต่ยังมีความต้องการด้านโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งเป็นคำถาม ใน 3 ประเด็นหลักในการหารือ ประกอบด้วย

1.การจัดหาแหล่งน้ำ โดยเฉพาะการเข้ามาลงทุนในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่มีความห่วงใยในเรื่องของระบบสาธารณูปโภคด้านน้ำ ซึ่งไทยมีแผนรองรับโดยการขับเคลื่อนของสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สนทช.)

2.การพัฒนาระบบโลจิสติส์ ที่ต้องการให้ขยายระบบโครงสร้างพื้นฐานในทุกระบบ ซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญที่จะยกระดับระบบโลจิสติกส์ที่ทันสมัยและมีความพร้อมรองรับการขยายตัวด้านการขนส่งสินค้าทั้งระบบราง น้ำ และอากาศ

3.นโยบายการพัฒนาพลังงานสะอาดของไทย ซึ่งไทยมีนโยบายส่งเสริมและพัฒนาพลังงานสะอาด ทั้งในองค์กรภาครัฐและเอกชนที่มีความก้าวหน้า สอดรับกับทิศทางการลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศ ที่ต้องการลงทุนในธุรกิจที่ต้องคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน มุ่งสู่ carbon neutral ในปี 2065

ศ.ดร.นฤมล กล่าวว่า ความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุนในรูปแบบพหุภาคี และทวิภาคี ซึ่งมีอยู่แล้ว 14 ฉบับกับ 18 ประเทศ ภายใต้การทำงานของ TTR ยังคำนึงถึงโอกาสการทำตลาดในหลายกลุ่มที่มีศักยภาพ ซึ่งเป็นนโยบายของนายกรัฐมนตรี ที่ต้องการให้เร่งขยายตลาดส่งออก และดึงดูดเงินลงทุน โดยเฉพาะความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ซึ่งเป็นความตกลงการค้าเสรีครอบคลุมตลาดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก จะขยายโอกาสทางการค้าและการส่งออกให้ไทยมากขึ้น

Related Posts

Send this to a friend