ศาลยกฟ้องทุกข้อหา ’ทุน มิน ลัต‘ นักธุรกิจชาวเมียนมา และพวก
ศาลยกฟ้องทุกข้อหา ’ทุน มิน ลัต‘ นักธุรกิจชาวเมียนมา และพวก – ศาลพิจารณาจากพยานหลักฐานของโจทก์ไม่มีน้ำหนักเพียงพอ
วันนี้ (30 ม.ค. 67) เวลา 09:00 น. ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นัดอ่านคำพิพากษา คดีดำ ย.1249/2565 ที่พนักงานอัยการคดียาเสพติด 9 เป็นโจทก์ฟ้องนาย ทุน มิน ลัต นักธุรกิจชาวเมียนมา เป็นจำเลยที่ 1 นายดีน ยัง จุลธุระ จำเลยที่ 2 น.ส.น้ำหอม เนตรตระกูล จำเลยที่ 3 น.ส.ปิยะดา คำต๊ะ จำเลยที่ 4 และบริษัท อัลลัวร์ กรุ๊ป (พีแอนด์อี) จำกัด โดยนายทุน มิน ลัต และน.ส.น้ำหอม เนตรตระกูล ในฐานะกรรมการผู้มีอำนาจที่ 5 ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-5 ตามลำดับ ในความผิดฐานร่วมกันสนับสนุนกันกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติดมีลักษณะเป็นความผิดร้ายแรง องค์กรอาชญากรรม
สำหรับคดีนี้ อัยการโจทก์ ระบุฟ้องความผิดสรุปว่า เมื่อ ระหว่างวันที่ 22 ก.พ. 2562 ถึงวันที่ 10 พ.ค. 2562 จำเลยทั้งห้ากับพวกที่ยังหลบหนี และจำเลยบางส่วนที่ศาลจังหวัดธัญบุรีพิพากษาไปแล้วได้ร่วมกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปโดยตกลงวางแผน และแบ่งหน้าที่กันทำในการจัดหายาเสพติดประเภท 1 (ยาบ้า) โดยพวกจำเลยทำหน้าที่ดูแลรับฝากเงิน ถอนเงิน โอนเงินซื้อขายค่ายาเสพติดเข้าบัญชีของบริษัทฯ จำเลยที่ 5 โดยอ้างว่า เพื่อไปชำระค่าไฟฟ้าส่วนภูมิภาค อ.แม่สาย.จ.เชียงราย ลักษณะปกปิด อำพรางซึ่งการได้มาของเงินจำนวนดังกล่าวโดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นเงินที่ได้จากการค้ายาเสพติด โดยบริษัทฯ จำเลยที่ 5 มีหน้าที่นำเงินที่ได้จากการค้ายาเสพติดเปลี่ยนสภาพเป็นสินค้าประเภทกระแสไฟฟ้า ส่งออกไปประเทศเมียนมา เหตุเกิดที่ ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี และที่อื่นเกี่ยวพันกัน ขอให้ลงโทษพวกจำเลยตามความผิด พ.ร.บ.ยาเสพติดฯ พวกจำเลยให้การปฏิเสธ ต่อสู้คดีเบิกตัวจำเลยทั้งหมดจากเรือนจำมาฟังคำพิพากษา
ศาลพิจารณาเเล้ว พยานหลักฐานของโจทก์ไม่มีน้ำหนักเพียงพอ ให้รับฟังได้ว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้องทุกข้อหา และพยานหลักฐาน ฝ่ายจำเลยสามารถหักล้างได้ทั้งหมด
ขณะที่นายเรืองศักดิ์ สุขเสียงศรี ทนายความในคดี ให้สัมภาษณ์ภายหลังศาลอ่านคำพิพากษา ระบุว่า คดีนี้เกิดจากเราใช้บริการร้านแลกเปลี่ยนเงินในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งเราใช้บริการตามปกติ และบริษัทอื่นก็ใช้บริการเช่นเดียวกัน แต่ถูกโจทก์ฟ้องเฉพาะกลุ่มพวกเรา ซึ่งเราก็เอานิติบุคคลอื่นๆ ที่มีเส้นทางการเงินในลักษณะคล้ายกับเรา มาหักล้างในชั้นศาลว่า ไม่ได้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด หากพวกของตนมีส่วนเกี่ยวข้อง บริษัทฯ อื่นก็ต้องโดนด้วย
โดยมองว่าคดีนี้จะเป็นบรรทัดฐานแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ และพนักงานสอบสวน ให้ดูหลักฐานอย่างละเอียดก่อนออกหมายจับ เนื่องจากศาลให้ความเห็นว่าหลักฐานนี้ค่อนข้างหละหลวม และมองว่าตัวจำเลยก็ได้รับความเสียหายจากการถูกคุมขัง ทั้งรายได้ และอาชีพการงาน
ส่วนคดีของนายอุปกิต ปาจรียางกูร สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ที่ถูกฟ้องในคดีเดียวกันนี้ ตนเองขอไม่ก้าวล่วง แต่จะใช้หลักฐานในคดีนี้ไปประกอบเพื่อสู้คดีในชั้นศาล ส่วนในคำพิพากษาของศาลในคดีนี้ที่มีการกล่าวถึงธุรกิจของนายอุปกิต จะกระทบต่อการดำรงตำแหน่งหรือไม่นั้น เป็นเรื่องของวุฒิสภา ที่จะไปพิจารณา แต่มองว่าไม่ได้เป็นการปกปิดอะไร และเชื่อว่าถ้าไม่มีสถานการณ์โควิด คดีนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น