CRIME

DSI – ตำรวจไซเบอร์ ตรวจค้นจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์รายใหญ่ใน จ.นครศรีธรรมราช

DSI ร่วมกับ ตำรวจไซเบอร์ ตรวจค้นจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์รายใหญ่ในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช ใช้โรงแรมตึกแถวเป็นที่ตั้งสำนักงาน พบของกลางเป็นคอมพิวเตอร์-โทรศัพท์ จำนวนมาก

วันนี้ (29 มี.ค. 67) พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมด้วย ร.ต.อ.เขมชาติ ประกายหงษ์มณี ผู้อำนวยการกองคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ แถลงข่าวร่วมกับ พล.ต.อ.ณัฐธร เพราะสุนทร กสทช.ด้านกฎหมาย พล.ต.ท. ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผบช.ภ.8. พ.ต.อ.สุรพงศ์ เปล่งขำ ผู้อำนวยการสำนักตรวจสอบและกำกับดูแล สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPC) ณ สถานีตำรวจภูธรฉวาง จ.นครศรีธรรมราช

จากการสืบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษทราบว่า เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2566 มีกลุ่มเครือข่ายชาวไทยและจีน มาใช้สถานที่ในประเทศไทย ตั้งสำนักงานหลอกลวงผู้เสียหายทางโทรศัพท์หรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ต่อมาทราบว่าเป็นโรงแรมแห่งหนึ่งใน จ.นครศรีธรรมราช สร้างเรื่องต่าง ๆ เช่น ชักชวนให้ร่วมลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล (Cryptocurrency) ชักชวนให้เล่นพนันออนไลน์ หลอกลวงให้ซื้อสินค้า เพื่อให้หลงเชื่อและโอนเงินให้

นอกจากนี้ กลุ่มคนร้ายยังสร้างเพจหรือยิงแอดโฆษณา เพื่อสร้างเรื่องหลอกลวงผู้เสียหายขึ้นมาอีกชั้นหนึ่งว่า จะมีการว่าจ้างทนายความเพื่อไปดำเนินคดีกับกลุ่มบุคคลที่มาหลอกลวงผู้เสียหายคนดังกล่าว แล้วให้ผู้เสียหายโอนเงินมายังบัญชีธนาคารที่เครือข่ายของตนเปิดไว้ในประเทศไทย ทำให้ประชาชนทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะสาธารณรัฐประชาชนจีน และรัสเซีย หลงเชื่อและได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก

กรมสอบสวนคดีพิเศษ โดยกองคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ จึงตรวจสอบข้อมูลและหลักฐาน พบว่าสถานที่ที่กลุ่มคนร้ายใช้เป็นที่ตั้งสำนักงานมีลักษณะเป็นโรงแรมตึกแถว จำนวน 5 คูหา 4 ชั้น มีห้องพัก 22 ห้อง โดยมีกลุ่มคนร้ายที่เป็นคนไทยทำหน้าที่รักษาความปลอดภัย ป้องกันบุคคลเข้าออกภายในอาคาร มีชาวจีนและชาวไทยหลายสิบคนนั่งทำงาน บางรายถูกหลอกลวงและบังคับขู่เข็ญจากสาธารณรัฐประชาชนจีนให้มาทำงานเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศไทย

ต่อมาเมื่อวานนี้ (28 มี.ค. 67) พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ สั่งการให้ ร.ต.อ.เขมชาติ ประกายหงษ์มณี ผู้อำนวยการกองคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ นำทีมพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ร่วมกับกองกำกับการ 3 กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 5 ตำรวจภูธร ภาค 8 สำนักงาน กสทช. สำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง กรมการจัดหางาน ลงพื้นที่พร้อมกัน 3 จุด และที่ขยายผลระหว่างตรวจค้นอีก 1 จุด ใน อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช

ผลการตรวจค้น พบบุคคลและหลักฐานรวม แบ่งเป็น ชาวจีน 52 คน ชาวไทย 19 คน พร้อมตรวจยึดของกลางเป็นคอมพิวเตอร์ 223 เครื่อง โทรศัพท์ 1,001 เครื่อง ไอแพด 14 เครื่อง ซิมการ์ด 298 ซิม สมุดบัญชีธนาคาร 86 เล่ม และสินค้าหลีกเลี่ยงศุลกากรอีกจำนวนมาก

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหาตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ร.ก.การทำงานของคนต่างด้าว และพ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เรื่องจัดหาบัญชีม้า ซิมม้า เบื้องต้นยังไม่พบวามผิดในบัญชีท้าย พ.ร.บ.สอบสวนคดีพิเศษ เนื่องจากต้องรอผลการตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ก่อน

สำหรับพฤติการณ์ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์แก๊งนี้ เป็นแก๊งหลอกผู้เสียหาย ใช้จุดที่ตรวจค้นเป็นสำนักงานในการหลอกลวงผู้เสียหายที่อยู่ในต่างประเทศ แชทสนทนาเป็นภาษาจีน รัสเซีย และไทย ด้วย google translator ในแต่ละจุดเกิดเหตุตรวจพบหนังสือเดินทางจากประเทศจีน ใช้เดินทางเข้า-ออกประเทศกัมพูชาบ่อยครั้ง บางส่วนอยู่เกินระยะเวลาที่ได้รับอนุญาตเข้าประเทศ และพบโทรศัพท์มือถือจำนวนมากที่ใช้ในส่งลิงก์ ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ผ่านมา

Related Posts

Send this to a friend