รอง ผบ.ตร.เชื่อ คดีผู้กำกับโจ้มีผู้กระทำผิด มากกว่า 7 คน
รอง ผบ.ตร.เชื่อ คดีผู้กำกับโจ้ มีผู้กระทำผิดมากกว่า 7 คน ยืนยันพนักงานสอบสวนยังไม่มีการแจ้งข้อหาเพิ่ม กับผู้ต้องหาทั้ง 7 คน แต่จะดูสำนวนให้รอบคอบ โดยเฉพาะข้อหา ม.157
วันนี้ (27 ส.ค. 64) พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าชุดสืบสวน ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมสรุปสำนวนคดี พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรืออดีตผู้กำกับโจ้กับพวกซ้อมทรมานผู้ต้องหาคดียาเสพติดเสียชีวิต โดยยืนยันว่าพนักงานสอบสวนยังไม่มีการแจ้งข้อหาเพิ่ม กับผู้ต้องหาทั้ง 7 คน แต่จะดูสำนวนให้รอบคอบ โดยเฉพาะข้อหา ม.157 ซึ่งการโอนสำนวนคดีไปให้ที่กองปราบปราม เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่น
ส่วนในคดีนี้อาจจะมีผู้ต้องมากกว่า 7 คน หรือไม่ รองผบ.ตร ระบุว่าข้อมูลตอนนี้มีมากกว่า 7 คนแต่ยังไม่ชัดเจน ซึ่งในกลุ่มต้องหากลุ่มใหม่นี้ ไม่พ้น ชุด 05 หรือทีมปราบปรามยาเสพติด ของ จ.นครสวรรค์ แต่ยังไม่สามารถระบุจำนวนได้ โดยกลุ่มนี้มีพฤติการณ์ล่อซื้อยาเสพติด มีหลักฐานบันทึกประจำวัน มีการล่อซื้อลงเลขธนบัตรเจ้าหน้าที่ทำการสอบสวนจะต้องแยกพฤติกรรมว่าเป็นแบบไหน ว่าการล่อซื้อกระทำโดยสุจริตหรือไม่ ต้องแยกแยะ ตอนนี้รายละเอียดอยู่ในสำนวน
ส่วนความคืบหน้าสอบทีมคณะแพทย์ที่ทำการชันสูตร ของ รพ.สวรรค์ประชารักษ์ ที่ระบุการเสียชีวิตจากพิษยาเสพติด ซึ่งทาง รอง ผบ.ตร ระบุว่า การสอบปากคำ แพทย์ที่ทำการตรวจยืนยันว่า นายจิระพงษ์มาถึงที่ รพ.ในภาวะชีพจรอ่อน เจ้าหน้าที่ปั๊มหัวใจแล้วชีพจรกลับมา แต่อยู่ได้ไม่นาน หมายความว่าตอนนั้น เขาอาจจะยังไม่เสียชีวิต ต้องสอบสวนให้ชัดเจนเสียก่อน
ส่วนการสอบปากคำพ่อของนายจิระพงษ์ ตอนนี้ให้ความร่วมมือดี แม้ก่อนหน้านี้มีความเข้าใจผิดจากพฤติการณ์ของผู้กำกับโจ้ที่เข้าไปแสดงมิตรภาพ และกระทำเหมือนไม่ได้ทำลูกเขาเสียชีวิต
ส่วนกรณีที่มีสื่อนำเสนอว่ากล้อวงจรปิดของ สภ.แสนสุขเสีย จนไม่สามารถหารถสีขาวที่มาส่งผู้กำกับโจ้ตอนเข้ามอบตัวได้ รอง ผบ.ตร. ตอบว่า มันเกี่ยวข้องกับคดีนี้อย่างไรมัน มันเป็นเหตุการณ์มอบตัว การจะเอาผิดต้องดูว่าเขาจะช่วยเหลือนำพาซ่อนเร้น ที่สื่อนำเสนอจะให้ไปเปิดอีกคดี คดีนี้จะเอาไว้ก่อน ส่วนที่จะทำควบคู่สื่อนั้นพูดง่าย อย่างไรก็ตามอะไรที่เป็นข้อผิดกฎหมายเจ้าหน้าที่ไม่ดำเนินการไม่ได้ ในส่วนที่สื่อที่สงสัยว่าใครช่วยเหลือไหมต้องไปดู