‘ชาดา – กิตติ์รัฐ’แถลงจับยาบ้ากว่า 5 ล้านเม็ด มูลค่ากว่า 150 ล้าน
‘ชาดา – กิตติ์รัฐ’ พร้อมตำรวจภูธรภาค 1 แถลงจับยาบ้ากว่า 5 ล้านเม็ด มูลค่ากว่า 150 ล้านบาท ของเครือข่ายค้ายาเสพติดจากภาคเหนือ
วันนี้ (26 เม.ย. 67) เวลา 10:00 น. นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รรท.ผบ.ตร. พล.ต.ท.จิรสันต์ แก้วแสงเอก ผบช.ภ.1 ร่วมแถลงข่าว จับกุมเครือข่ายยาเสพติดจากภาคเหนือมาพื้นที่ภาคกลางกว่า 5 ล้านเม็ด
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ เปิดเผยว่า กลุ่มขบวนการนี้เป็นกลุ่มที่ลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากภาคเหนือเพื่อนำมาพื้นที่ภาคกลาง โดยเจ้าหน้าที่ได้ขยายผลจากการจับกุมคดียาเสพติดรายสำคัญจนทราบว่า นายศรายุทธ หรือ ‘เอ็ม โรนิน’ เป็นบุคคลตามหมายจับศาลจังหวัดสิงห์บุรี และเป็นบุคคลตามหมายจับศาลอาญา
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันนายศรายุทธ ได้หลบหนีไปอยู่ประเทศเพื่อนบ้าน แต่ยังมีการเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการค้ายาเสพติด โดยเป็นผู้สั่งการ และติดต่อซื้อขายยาเสพติดจากชนกลุ่มน้อย และจากการสืบสวนทราบว่านายศรายุทธ ได้สั่งการให้นายวีระยุทธ หรือ เฟิร์ส และนางซไรตุซ สัญชาติกัมพูชา แฟนสาวทำหน้าที่รับยาเสพติดจากกลุ่มทีมลำเลียงภาคเหนือ มาเก็บไว้ภายในบ้านพักที่เช่าไว้ใน จ.สระบุรี เพื่อรอส่งมอบให้กับกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดตอนในของประเทศไทย ตามคำสั่งของนายศรายุทธ โดยภายหลังจากการเฝ้าระวังและติดตามเจ้าหน้าที่ได้สะกดรอยตามจนเข้าจับกุมนางซไรตุซ ได้ที่บ้านเช่า อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี พร้อมของกลางยาบ้ากว่า 5 ล้านเม็ด และรถยนต์ที่ใช้ลำเลียง 1 คัน แต่นายวีระยุทธ ไหวตัวทัน และหลบหนีการจับกุมไปได้
ทั้งนี้ ชุดจับกุมแจ้งข้อกล่าวหา นายศรายุทธ และนางซไรตุซ ความผิดฐานร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยเป็นการกระทำเพื่อการค้า และก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และกล่าวหานางซไรตุซ เพิ่มเติมว่าเป็นบุคคลต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวอีกว่า หากยาบ้าล็อตนี้ เล็ดรอดไปถึงมือผู้เสพซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ชั้นใน ตามเป้าหมายของผู้ค้าจะมีมูลค่าสูงถึง 150 ล้านบาท และนอกจากจับกุมผู้ต้องหา ยึดของกลางไว้เผาทำลาย ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.ยังขยายผลตรวจสอบทรัพย์สินของผู้ค้า เพื่อนำไปสู่การยึดทรัพย์ด้วย
นายชาดา กล่าวว่า นโยบายปราบปรามยาเสพติดของรัฐบาล ไม่ได้มุ่งเน้นทำหน้าที่เพียงแค่ตำรวจ แต่ทุกฝ่ายต้องทำงานร่วมกัน เพราะเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดไม่ได้ทำผิดเพียงแค่ค้ายา แต่ยังมีเรื่องของการฟอกเงินเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย อีกทั้งแต่ละเครือข่ายก็มีวิธีหลบหลีกตบตาเจ้าหน้าที่ หาช่องทางหลีกเลี่ยงการถูกตรวจค้นจับกุม ตำรวจและทุกหน่วยจึงต้องวางมาตรการในการปราบปรามสกัดกั้นให้ทันกับเล่เหลี่ยมกลุ่มผู้ค้า