CRIME

พ่อ ‘ตะวัน‘ – ทนาย ยื่นหนังสืออธิบดีศาลอาญา ขอความเมตตาพิจารณาปล่อยตัว

วันนี้ (25 ก.พ. 67) เวลา 10:00 น. ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ในฐานะทนายความของ น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ ผู้ต้องหาในคดี ม.116 กรณีป่วนขบวนเสด็จ เดินทางมาศาลอาญา ถนนรัชดา พร้อมกับนายสมหมาย ตัวตุลานนท์ บิดาของ น.ส.ทานตะวัน เพื่อยื่นหนังสือถึงอธิบดีศาลอาญา ภายหลังที่ก่อนหน้านี้ได้ทำหนังสือยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่งคราว จำนวน 3 ครั้ง ซึ่งผลคือศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว ทางทนายความ และบิดาจึงหมดหนทาง และไม่คิดว่าจะยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวหรือจะอุทธรณ์คำสั่ง ก็คงไม่ได้ปล่อยตัวออกมาแล้ว

นายสมหมายจึงทำหนังสือขอความเมตตา เพราะเป็นห่วงอาการของลูกสาว และแฟรงค์ หรือนายณัฐนนท์ ไชยมหาบุตร จึงทำหนังสือฉบับนี้ขึ้นมาและเขียนด้วยลายมือของนายสมหมาย มีเนื้อหาประมาณว่า “ตามที่ศาลมีคำสั่งไม่ปล่อยตัวชั่วคราว น.ส.ทานตะวัน และนายณัฐชนนท์ ข้าพเจ้าไม่มีคำโต้แย้งใดๆ แต่อยากขอให้ศาลอาญาดูแลรับผิดชอบในชีวิตของผู้ต้องหาทั้ง 2 ที่ท่านมีคำสั่งไม่ให้ปล่อยตัวชั่วคราว ระหว่างการสอบสวน เพราะเขาทั้งสองเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหาอัยการจะไม่มีคำสั่งฟ้องคดีดังนั้นยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ตามกฎหมาย หากทั้ง 2 คนถึงแก่ความตายระหว่างที่อยู่การสอบสวน โดยคำสั่งของศาลอาญาขอให้ท่านโปรดพิจารณาให้ความเป็นธรรมแก่ดวงวิญญาณทั้ง 2 ดวง ว่าใครต้องรับผิดชอบการตายจากการที่ท่านมีคำสั่งไม่ให้ปล่อยตัวชั่วคราว และขอได้โปรดให้ท่านพิจารณา และหาทางออก”

นายกฤษฎางค์ ระบุอีกว่า ตนเองได้คุยกับ ผอ.โรงพยาบาลราชทัณฑ์ อาการของ น.ส.ทานตะวัน เกินศักยภาพการดูแลของโรงพยาบาลราชทัณฑ์จึงมีการส่งตัวไปยังโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ส่วนอาการของแฟรงค์พยายามขอส่งตัวไปยังโรงพยาบาลหลายโรงพยาบาลแต่ยังไม่สามารถส่งตัวไปได้ โดยอาการของ แฟรงค์มีอาการเจ็บป่วยค่อนข้างหนักเหมือนกับตะวันเนื่องจากทั้งคู่ปฏิเสธการรับประทานน้ำและอาหารมาเป็นเวลาหลายวัน

นายกฤษฎางค์ กล่าวด้วยว่า คดีดังกล่าว ทั้ง 2 ถูกขังระหว่างการสอบสวน ของสน.ดินแดง และยัง ไม่มีการสั่งฟ้องของอัยการซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะมีการสั่งฟ้องหรือไม่อีกทั้งในชั้นไต่สวนของการฝากขัง และมีการสอบสวนพยานไปหมดแล้วเหลือเพียงอีกแค่ 5 ปากโดยใน 5 ปากนั้นแบ่งเป็นตำรวจผู้จับกุมและชาวบ้านที่ยังไม่มีรายชื่อส่งมา ซึ่งตนมองว่าหากปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องหาทั้ง 2 ก็คงไม่มีผลที่จะไปยุ่งกับพยานหลักฐานเพราะเป็นเพียงนักศึกษาเท่านั้น ซึ่งผู้ต้องหาทั้ง 2 คนที่ผ่านมาไม่ได้มีพฤติกรรมหลบหนีอีกด้วย

ด้านนายสมหมาย เผยว่า การฝากขังของลูกสาวเป็นเพียงการฝากขังในชั้นพนักงานสอบสวนยังไม่มีการสั่งฟ้องจะมาตัดสินได้อย่างไร ว่าเป็นคดีร้ายแรงมีอัตราโทษจำคุกสูง อีกทั้งผู้ต้องหาทั้งสองคนมีที่อยู่หลักแหล่งอย่างแน่นอน และไม่มีโอกาสที่จะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานแต่สิ่งที่ตนตนเองกังวลคือเรื่องอาการของลูกสาวและแฟรงค์ที่ต้องการนำตัวรักษา เพราะอาการแย่แล้ว แต่ถ้าปล่อยมาแล้วทางตำรวจกังวลว่าจะหลบหนีก็นำตำรวจมาดู ตลอด 24 ชั่วโมงชั่วโมง หรือทำอย่างไรก็ได้เพื่อไม่ให้น้องหนีแต่ถ้าน้องจะหนีน้องคงหนีไปนานแล้วไม่อยู่ให้จับในวันนั้น

ส่วนอาการของ น.ส.ทานตะวัน นายสมหมาย กล่าวว่า อาการหนักมากแต่ก็รู้สึกเบาใจที่อยู่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ที่อยู่ใกล้ชิดแพทย์เป็นห่วงแต่แฟรงค์ที่อยู่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ที่มีอาการไม่ต่างจากลูกสาวแต่ยังอยู่ในโรงพยาบาลราชทัณฑ์ถ้าเป็นไปได้อยากให้ย้ายแฟรงค์ออกไปยังโรงพยาบาลที่พร้อมรักษา

Related Posts

Send this to a friend