CRIME

สอบสวนกลางเตรียมโอนคดี ประสิทธิ์ เจียวก๊ก มากองปราบฯ หลังพยายามหลบหนี

สอบสวนกลาง ตั้งโต๊ะแถลงหลัง ‘ประสิทธิ์ เจียวก๊ก’ พยายามหลบหนี เตรียมโอนคดีมากองปราบฯ เร่งสืบมีเจ้าหน้าที่รัฐเอี่ยวหรือไม่

วันนี้ (23 ธ.ค.65) พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง แถลงความคืบหน้ากรณี นายประสิทธิ์ เจียวก๊ก พยายามหลบหนีระหว่างพิจารณาคดีที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษกเมื่อวานนี้ ว่า นายประสิทธิ์ วางแผนหลบหนีขณะมาพิจารณาคดีที่ชั้น 9 ของศาลอาญา ออกอุบายขอเข้าห้องน้ำ โดยวางแผนให้ทีมงานนำชุดไปรเวท กุญแจปลดตรวน มาให้ที่ห้องส้วม มีแผนสำรองโดยเตรียมเสื้อผ้า โทรศัพท์ วิกผม หนวด อุปกรณ์ดำรงชีพไว้ในรถยนต์ และเงินจำนวน 11,000 บาท ซึ่งถือเป็นการกระทำที่อุกอาจ

สำหรับผู้ให้การช่วยเหลือ เป็นอดีตลูกน้องของนายประสิทธิ์ 3 คน ประกอบด้วย นายสมประสงค์ (สงวนนามสกุล) เลขาฯ และแฟนหนุ่มของเลขาฯ ทำหน้าที่เบิกเงิน ถอนเงิน ซึ่งอยู่ระหว่างตรวจสอบว่า เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์มีส่วนรู้เห็นด้วยหรือไม่ พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า ออกจากห้องน้ำผ่านด่านเจ้าหน้าที่มาได้อย่างไร จากการสอบสวนพบข้อมูลอีกชุดหนึ่ง ระบุว่า นายประสิทธิ์ ได้ว่าจ้างเพจหนึ่งทำบัตรประชาชนปลอม แต่ถูกหลอกจึงไม่สำเร็จ

เบื้องต้นพนักงานสอบสวน สน.พหลโยธิน ได้แจ้งข้อหานายสมประสงค์ สมรู้ร่วมคิดให้หลบหนี ระหว่างถูกควบคุมตามอำนาจศาล มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ส่วนนายประสิทธิ์ แจ้งข้อหาหลบหนีระหว่างที่ถูกคุมขังตามอำนาจของศาล ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 190 และเตรียมโอนย้ายคดีมาที่กองบังคับการปราบปราม เพราะเป็นคดีที่สลับซับซ้อน จึงต้องสืบสวนรายละเอียดในเชิงลึก

พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวว่า อยู่ระหว่างการขยายผลหาผู้ร่วมขบวนการ โดยทุกคนที่ให้การช่วยเหลือนายประสิทธิ์ เจ้าหน้าที่รู้จักตั้งแต่ตอนทำคดีหลัก เชื่อว่าทุกคนไปเยี่ยมนายประสิทธิ์ตลอด น่าจะอาศัยจังหวะนี้วางแผนหลบหนี คงคิดว่าโทษที่ได้รับไม่น้อย มีหลายคดี หลายกรรม หลายสิบปี สุดท้ายแพ้คดีคงต้องอยู่อีกนาน และไม่แน่ใจว่า นายประสิทธิ์ซุกซ่อนเงินไว้ที่ใดบ้าง

ส่วนกรณีที่นายประสิทธิ์ มักพูดกับคนสนิทว่าจะได้ปล่อยตัวนั้น มองว่า นายประสิทธิ์พูดได้ทุกอย่าง พูดให้คนเชื่อ ทำได้มีศักยภาพ เป็นเทคนิคของเขา แต่ปัจจุบันนายประสิทธิ์ยังไม่ได้ไปไหนถูกจำคุกอยู่

ขณะที่ความคืบหน้าคดีความของนายประสิทธิ์ คณะพนักงานสอบสวน ดำเนินคดีหลัก 6 คดี ส่งให้พนักงานอัยการแล้วทั้งหมด ส่วนคดีฟอกเงินอีก 5 คดีเป็นความรับผิดชอบของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ซึ่งส่งให้อัยการแล้ว 1 คดี อีก 4 คดีจะส่งสำนวนให้อัยการภายในเดือนหน้า ส่วนการอายัดทรัพย์ ปปง.มีคำสั่งยึดทรัพย์แล้ว 3 คำสั่ง รวม 265 ล้านบาท โดยพรักงานสอบสวนยังได้ส่งข้อมูลทรัพย์หุ้นของผู้ทำประกันภัย เป็นเงิน 261 ล้านบาท คาดว่า ปปง.จะมีคำสั่งยึดทรัพย์ตามมา

พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวต่อว่า จากนี้ตำรวจสอบสวนกลางจะปรับเทคนิคการทำคดีหลอกลงทุนจากเชิงรับเป็นเชิงรุก สำรวจหาธุรกิจที่ผิดกฎหมาย เพื่อดำเนินคดี เนื่องจากไม่อยากให้ประชาชนถูกหลอก โดยผู้ที่พบเห็นแจ้งมาที่ตำรวจสอบสวนกลาง หรือ สายด่วน 1195

Related Posts

Send this to a friend