CRIME

‘หมิว สิริลภัส’ เผชิญหน้าคู่กรณี หลังถูกแอบถ่ายในห้องน้ำปั๊ม ส.ต.ท. น้อมรับผิด-ขอโทษกับสิ่งที่เกิดขึ้น พร้อมรับโทษทุกกรณี

วันนี้ (22 มี.ค. 64) ที่ สน.พหลโยธิน “หมิว” น.ส.สิริลภัส กองตระการ นักแสดงสาว อดีตรองชนะเลิศอันดับ 2 มิสทีนไทยแลนด์ 2003 ได้เข้าพบ พ.ต.อ.ประสพโชค เอี่ยมพินิจ ผู้กำกับการ สน.พหลโยธิน เพื่อสอบปากคำ หลังจากที่คู่กรณี คือ สิบตำรวจโทศวัสกร หนูรี สังกัด บชน. ซึ่งเป็นผู้บังคับการ (ผบ.) หมู่จราจร สน.ทุ่งมหาเมฆ ได้แอบถ่ายตนเองระหว่างทำธุระในห้องน้ำของปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง บริเวณปากซอยรัชดาภิเษก 32 เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร

น.ส.สิริลภัส กล่าวว่า การสอบปากคำและเจรจาในวันนี้ใช้เวลา 2 ชั่วโมง เบื้องต้น คู่กรณีได้กล่าวคำขอโทษตนเองแล้ว ระบุว่าเกิดจากการพักผ่อนน้อย จึงไม่ได้สังเกตป้ายห้องน้ำว่าเป็นของผู้หญิงหรือผู้ชาย แต่ยังคลางแคลงในประเด็นที่ว่า ถ้าบอกว่าปวดท้อง แล้วทำไมถึงไม่รีบเข้าห้องน้ำเพื่อทำธุระ แล้วพอเข้าห้องน้ำ ทำไมถึงยังยืนคอยอยู่ระยะหนึ่ง อีกทั้งไม่มีการล็อกประตูห้องน้ำ

น.ส.สิริลภัส เผยถึงคู่กรณีที่อ้างสาเหตุของการไม่เข้าไปทำธุระทันทีในห้องน้ำเนื่องเกิดจากความเบลอ และการพักผ่อนน้อยว่า ยอมรับว่า อาจเป็นไปได้ที่ ส.ต.ท.จะพักผ่อนน้อย เนื่องจากทำงานหนัก แต่ยังไม่ปักใจเชื่อทั้งหมด ต้องรอผลการตรวจสอบกล้องวงจรปิดจากตำรวจอีกครั้งเพื่อคลายข้อสงสัย

ขณะที่ กล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุ น.ส.สิริลภัส กล่าวว่า อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบ เพราะอยู่ในจุดหน้าร้านกาแฟในปั๊ม ซึ่งขณะนั้น ได้ลงไปซื้อกาแฟในร้านดังกล่าวก่อนจะเดินไปเข้าห้องน้ำ ระหว่างนั้นมีรถยนต์คันหนึ่งจอดอยู่ฝั่งขวาข้างรถตน ไม่ทราบว่าเป็นรถของ ส.ต.ท.คนดังกล่าวหรือไม่ ถ้าใช่แสดงว่ามีเจตนาขับรถตามไปจอดที่หน้าห้องน้ำหรือคุกคามตนเอง แต่ถ้าไม่ใช่แสดงว่าตำรวจคนนี้ไม่มีเจตนาติดตามหรือเป็นการเข้าใจผิด

น.ส.สิริลภัส กล่าวว่า จากนี้จะมีการดำเนินคดี โดยกรณีนี้ คือ คดีลหุโทษ ฐานทำให้ผู้อื่นตกใจ ส่วนคดีอาญา เจ้าหน้าที่ตำรวจเผยว่าไม่สามารถดำเนินคดีได้ เช่นเดียวกับคดีอนาจาร เนื่องจากคู่กรณีไม่ได้เอาศีรษะยื่นหน้าไปมองตนเองอย่างชัดเจน หากชะโงกหน้ามองไปชัดเจน จึงจะดำเนินคดีตรงส่วนนี้ได้

ขณะที่ ส.ต.ท.ศวัสกร กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สืบเนื่องจากตนเองทำงานหนัก โดยเข้าเวรงานจราจรตั้งแต่เช้ามืด และเลิกงานในเวลา 23.00 น. เนื่องจากวันดังกล่าว (6 มี.ค. 64) มีการจัดการชุมนุม ขณะนั้นกำลังจะไปรับเพื่อนบริเวณพหลโยธิน จึงได้จอดพักอยู่ที่สโมสรตำรวจ ก่อนจะขับรถมาตามถนนรัชดาภิเษก ระหว่างทางได้เกิดปวดท้องกะทันหันจึงแวะเข้าปั๊มน้ำมันดังกล่าว และลงไปทำธุระ แต่ด้วยการพักผ่อนน้อยจึงมีอาการเบลอ ไม่ได้สังเกตป้ายห้องน้ำว่าเป็นของผู้หญิงหรือผู้ชายจึงเดินเข้าไปผิดห้อง

จากนั้น จึงได้เจอ น.ส.สิริลภัส ถามคำถามและร้องโวยวาย ตนเองจึงรีบวิ่งหนีออกมาขึ้นรถขับออกไปและอยู่ในการประหม่า ตกใจมาก จึงไม่ได้อยู่อธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ น.ส.สิริลภัสทราบ นอกจากนี้ ยังได้ขับรถชนคันอื่นเนื่องจากยังตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยได้ติดต่อผู้เสียหายเพื่อดำเนินการชดใช้แล้ว

ส.ต.ท.ศวัสกร ยืนยันว่า ไม่ได้ติดตามมาจากที่ใด และไม่ได้ใช้โทรศัพท์มือถือแอบถ่ายแต่อย่างใด โดยตอนนี้ได้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบแล้ว ขอยืนยันว่า ไม่มีผู้บังคับบัญชาคนไหนสั่งให้ทำ ซึ่งตนเองไม่ทราบจริงๆ ว่า น.ส.สิริลภัส คือ นักแสดง

ทั้งนี้ หากผลการสอบสวนออกมาว่ามีความผิดจริง ตนเองก็พร้อมยอมรับผิดทั้งทางอาญาและทางวินัย และอยากขอโทษ น.ส.สิริลภัส อีกครั้งด้วยความบริสุทธิ์ใจ

น.ส.สิริลภัส ยอมรับว่าเห็นใจคู่กรณีเนื่องจากต้องทำงานหนักเกินกว่าที่ร่างกายจะรับไหว และฝากผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคนช่วยเห็นใจความเป็นมนุษย์ของทุกคน ไม่ควรถูกใช้ให้ทำงานหนักเกินกว่าจะเป็น จนทำให้เกิดความผิดพลาดของมนุษย์ (Human Error) หากคู่กรณีไม่มีเจตนาติดตามตนเองจริง ก็พร้อมให้อภัย แต่ถ้าโกหกหรือมีเจตนาติดตาม ก็ขอให้ทราบว่า คุณได้สร้างบาดแผลให้กับผู้หญิงคนหนึ่งแล้ว

“ก่อนที่หมิวจะเข้ามาสอบปากคำ ตลอด 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา หมิวเครียดมาก หมิวเป็นโรคซึมเศร้า ต้องไปหาที่เยียวยา รู้สึกว่าเมื่อตื่นนอนมา หมิวไม่อยากมีชีวิตอยู่ ไม่อยากอยู่แล้ว ถ้าคุณไม่มีเจตนาทำ หมิวพร้อมให้อภัย แต่ถ้าโกหก มีเจตนาทำ โปรดจงรู้ไว้ว่า คุณคือฆาตกรที่เกือบทำลายผู้หญิงคนหนึ่งแล้ว” น.ส.สิริลภัส กล่าวปิดท้าย ก่อนที่ ส.ต.ท.ศวัสกร จะยกมือไหว้ขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

Related Posts

Send this to a friend