รอง ผบ.ตร.สั่งปราบน้ำมันเถื่อนทั้ง ทางบก-ทางน้ำ

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ สั่งปราบน้ำมันเถื่อนเต็มรูปแบบ ทั้งทางบกและทางน้ำ หลังพบผู้กระทำความผิด ลักลอบขนน้ำมันเถื่อนข้ามแดน

วันนี้ (20 เม.ย. 66) จากกรณีที่ตำรวจตรวจพบการกระทำความผิดเกี่ยวกับการลักลอบนำน้ำมันเชื้อเพลิงจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย เนื่องจากราคาน้ำมันของประเทศไทยที่สูงกว่าประเทศมาเลเซียกว่าเท่าตัว ทำให้ผู้กระทำผิดพบช่องโอกาสในการหากำไร ลักลอบนำน้ำมันมาขายให้กับลูกค้ารายย่อยในพื้นที่ ทำให้รัฐสูญเสียรายได้จากภาษีน้ำมันมากกว่าร้อยล้านบาทต่อปี

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เปิดเผยว่าได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ ศปนม.ตร. เร่งรัดจับกุมผู้กระทำผิด โดยเน้นการเพิ่มการป้องกันตามชายแดนติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้านซึ่งพบการกระทำผิด ได้แก่ จังหวัดสงขลา สตูล และนราธิวาส รวมทั้งพื้นที่จังหวัดใกล้เคียง ได้แก่ ปัตตานี ยะลา ตรัง และพัทลุง เป็นต้น รวมทั้งการลักลอบนำเข้าน้ำมันทางทะเลทั้งฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน โดยร่วมบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมสรรพสามิต กรมศุลกากร กองทัพเรือ และ ศรชล เป็นต้น

จากการตรวจสอบพบว่าการลักลอบขนน้ำมันเถื่อนทางบกมีรายสำคัญ ได้แก่ กลุ่มเจ้ฟางซึ่งพฤติกรรมของกลุ่มค้าน้ำมันเถื่อนกลุ่มนี้มีรถบรรทุกสินค้าเป็นเครือข่าย แต่ละคันจะดัดแปลงถังน้ำมันให้มีขนาดใหญ่ และมีช่องเก็บน้ำมันได้มากขึ้น โดยรถบรรทุกเหล่านี้ จะเข้าไปส่งสินค้าที่ชายแดนประเทศมาเลเซียทุกวัน วันละนับสิบรอบ เมื่อรถขนสินค้าเสร็จ ก็จะเติมน้ำมันจนเต็มถังที่ดัดแปลง และขับกลับออกมาจากชายแดนมุ่งหน้าไปยังโกดังในตำบลทุ่งลุง ซึ่งอยู่ห่างพรมแดนประมาณ 30 กิโลเมตร เพื่อไปรอถ่ายให้กับรถปิ๊กอัพ ที่จอดรออยู่ในโกดังชายป่า บริเวณริมถนนกาญจนวนิช ต.พะตง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา

ชุดปฏิบัติการ ศปนม.จึงได้บุกจับกุมนายนี และ นายอีบ ขณะกำลังถ่ายน้ำมันจากรถขนส่งให้กับรถปิ๊กอัพดัดแปลงที่โกดังแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ตำบลทุ่งลุง อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา พบรถกระบะ Toyota สีบรอน 2 คัน ตีตู้ทึบ ภายในบรรทุกถังน้ำมันดีเซล 2 พันลิตร โดยกล่าวหาว่า มีไว้ในครอบครองซึ่งสินค้าที่มิได้เสียภาษี ตาม พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต พ.ศ.2560 มาตรา 203

จากการสืบสวนยังพบว่ากลุ่มเจ้ฟางถือเป็นเจ้าใหญ่ทำมาเป็นสิบปี โดยรถแต่ละคันบรรทุกน้ำมันได้ครั้งละ 1 พันลิตร เฉลี่ยวันละ 10 กว่าเที่ยว ที่วิ่งเข้าออกระหว่างพรมแดนซึ่งมีระยะห่างไม่ถึง 30 กม.โดยจะร่วมมือกับคนขับรถหัวลาก พอได้น้ำมันออกมาก็จะเอามารวมกันไว้ที่โกดัง เพื่อถ่ายขายปลีกในพื้นที่ ทั้งปั๊มหลอด ประมง และเกษตรกรรม

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า การปราบปรามความผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิงที่ผ่านมา ได้มีการจับกุมเครือข่ายผู้กระทำผิดซึ่งลักลอบนำน้ำมันจากประเทศมาเลเซียเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยได้หลายแสนลิตรต่อเดือน ซึ่งกลุ่มเหล่านี้มักใช้วิธีการในการลักลอบขนในปริมาณน้อยจำนวนหลายครั้งแล้วนำเข้ามาเก็บรวมในโกดังที่เตรียมไว้ จากนั้นจึงลักลอบนำไปขายให้กับรายย่อย ทำให้รัฐเสียรายได้ต่อปีเป็นจำนวนมาก และส่งผลกระทบกับสถานีบริการน้ำมันในพื้นที่ซึ่งประกอบอาชีพถูกต้องเสียภาษีถูกต้องตามกฎหมาย ได้รับความเดือดร้อน นอกจากจะจับกุมกลุ่มเหล่านี้แล้ว จะขยายผลดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งเครือข่ายอื่นๆ ที่ยังกระทำผิดอยู่ในพื้นที่ตามแนวชายแดน นำมาดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเด็ดขาด