ดีเอสไอ ยึดรถหรูที่ถูกโจรกรรมจากอังกฤษเกือบ 30 คัน เสียหาย 300 ล้าน
ดีเอสไอ เปิดปฎิบัติการ ‘ไททาเนี่ยม’ ยึดรถหรูที่ถูกโจรกรรมจากอังกฤษเกือบ 30 คัน เสียหาย 300 ล้าน
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และ นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ แถลงผลการปฎิบัติการ “ไททาเนี่ยม” ตรวจยึดรถยนต์หรูที่ถูกโจรกรรมจากประเทศอังกฤษ พร้อมของดลางรถยนต์ จำนวน 26 คัน ทั้ง Audi , BMW , Ferrari , Lamborgini , Porsche , Mini Cooper , Lexus , Mercedes Benz , Volkswagen , Range Rover
อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากเมื่อปี 2560 กรมสอบสวนคดีพิเศษได้รับคำร้องขอความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องทางอาญา (MLAT) จากหน่วยงานปราบปรามอาชญากรรมแห่งชาติ ของสถานเอกอัครราชทูตอังกฤษ ประจำกรุงเทพมหานคร ขอให้ทำการสืบสวนสอบสวนกรณีขบวนการโจรกรรมรถยนต์หรู จากประเทศอังกฤษจำนวน 35 คัน รวมมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท และนำเข้ามาในประเทศไทยโดยผิดกฎหมาย ซึ่งต่อมากรมสอบสวนคดีพิเศษได้รับไว้เป็นคดีพิเศษตั้งแต่ปี 2561
จากการสืบสวน พบว่า รถยนต์ทั้ง 35 คัน ที่ถูกโจรกรรมจากประเทศอังกฤษ ได้ทะยอยขนส่งโดยเครื่องบินมายังประเทศสิงคโปร์ จากนั้น ได้นำขึ้นเรือนำเข้ามายังประเทศไทย ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2559 ถึง เดือนมีนาคม 2560 มีการสำแดงหลักฐานเป็นรถมือหนึ่ง โดยปลอมแปลงเอกสารนำเข้าทั้งหมด เพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ศุลกากร
ต่อมา ได้ติดตามรถยนต์มาได้ 26 คัน อยู่ในความครอบครองของเจ้าของที่ซื้อมา โดยไม่รู้ว่ารถตัวเองเป็นรถที่ถูกโจรกรรมมา ส่วนอีก 9 คัน เจ้าของยังไม่ยอมคืนรถให้ ซึ่งหากผู้ครอบครองให้ความร่วมมือคืนรถยนต์ให้กับเจ้าหน้าที่จะไม่ถูกดำเนินคดี แต่ผู้ที่ไม่คืนจะถูกดำเนินคดีในฐานรับของโจร ซึ่งเจ้าของรถสามารถไปฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายกับบริษัทที่ขายรถให้
นอกจากนี้ยังพบว่า รถทั้ง 35 คัน นำเข้าโดยบริษัทเพียงรายเดียว จากนั้นได้ขายรถทั้งหมดให้กับบริษัทขายรถนำเข้า ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ เพื่อนำไปจำหน่ายให้กับลูกค้า ซึ่งบริษัทนำเข้าดังกล่าวจะต้องถูกดำเนินคดีสำแดงภาษีนำเข้าอันเป็นเท็จ และนำเข้ารถที่ถูกโจรกรรม